ข่าวปนคน คนปนข่าว
ปี่กลองเร่งระรัว เร้าใจว่า "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.และ พวก จะฝืนชะตาในคดีเกี่ยวโยงกับเว็บพนันออนไลน์เครือข่าย "มินนี่" ได้แค่ไหน?
สปอร์ตไลต์จับไปที่ ป.ป.ช.ซึ่งฟังว่า วันนี้(27 ก.พ.)คณะกรรมการ ป.ป.ช จะนั่งประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องบิ๊กโจ๊กที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ผิดมาตรา 157 และ 149 เป็นเจ้าหน้าที่ทุจริตรับเงินจากเว็บพนันดังกล่าว
น่าสนใจว่า บอร์ดทั้ง 5 คนของ ป.ป.ช.จะมีมติส่งคดีกลับคืนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ "ลับมีด" รอหรือจะช่วย "ดึงเกม" ต่อลมหายใจให้ "โจ๊ก"ได้ไปต่อ
ผู้สันทัดกรณีจับยามสามตาแล้วทำนายว่า โอกาสผลโหวตของ 5 อรหันต์จะออกมาสุดสูสี 50-50
จาก 5 คน ประกอบไปด้วย พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ที่เหลือ สุวณา สุวรรณจูฑะ,วิทยา อาคมพิทักษ์ สุชาติ ตระกูลเกษมสุข และ เอกวิทย์ วัชชวัลคุ กรรมการ
ว่ากันว่า สุวณา ลูกหม้อกระทรวงยุติธรรม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ หญิงคนแรก สามีเป็นผู้พิพากษาอาวุโสนั้นตรงเป็นไม้บรรทัด
เช่นเดียวกับ สุชาติ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี ที่ผลงานการฟาดฟันคดีทุจริตเป็นที่ประจักษ์
เชื่อกันว่า ทั้งสุวณา และ สุชาติ จะโหวตให้ส่งคดีโจ๊กกลับให้ตำรวจดำเนินการกันเอง
ขณะที่อีกสองเสียง คือ วิทยา กับ เอกวิทย์ น่าจะโหวตให้คดีอยู่ที่ ป.ป.ช.ต่อ
ที่เป็นเช่นนี้ ว่ากันว่า วิทยา ถือเป็นลูกหม้อของ ป.ป.ช.เติบโตขึ้นตามสายงานจนกระทั่งได้เป็นบอร์ด
ขณะที่ เอกวิทย์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา มีความเกรงอกเกรงใจ และ บุญคุณต้องตอบแทนอดีตบอร์ดผู้หนึ่งที่พ้นวาระไปที่สนับสนุนกันและกันมา
อดีตบอร์ดคนเดียวกันนี้ก็ว่ากันว่า มีสัมพันธ์ที่ดีกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั่นเอง
หากเสียงโหวตมาออกที่ 2 ต่อ 2 ผู้ที่จะชึัขาดก็ต้องเป็นท่านประธาน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
"บิ๊กกุ้ย" ผู้ที่มีเงาของ "ลุงป.ไม่รู้ ไม่รู้" ยืนทะมึนอยู่ด้านหลัง เรียกว่ามีวันนี้ "เพราะลุงให้" จะตัดสินใจเลือกอย่างไร ย่อมเกี่ยวพันกับสายสัมพันธ์นีั
และเกี่ยวโยงไปถึงสายสัมพันธ์ที่ลุงป.ไม่รู้ๆ เคยเมตตาเอ็นดู "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ดั่ง "หลานในไส้" เป็นที่พึ่งพิงใหญ่ประดุจ "โบอิ้ง747" ให้นายตำรวจใหญ่ได้อาศัยร่มเงา
คดีโจ๊กจะอยู่หรือไปจาก ป.ป.ช.จึงตัองจับตา "ไผเป็นไผ" ใครสัมพันธ์กับใครเพราะถือเป็นเงื่อนไขสำคัญ
หากเป็นเช่นที่ทำนายนี้ "ตำรวจสีดำ" ตามที่ "บิ๊กเต่า" พล.ต.ท.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองหัวหน้าคณะสอบสวน ยืนยันว่ามีอยู่จริง และพร้อมจะเดินหน้ากำจัดให้องค์กรสะอาดก็ต้องเงื้อดาบรอต่อไป
การที่ ป.ป.ช.ไม่ส่งกลับ ย่อมเป็น "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ที่ช่วงนี้ตระเวณทำพิธี"แก้กรรม"ทุกวันยังสามารถยื้อและดึงเวลาให้อยู่ ในป.ป.ช.ออกไปอีกระยะหนึ่ง
นี่จึงเป็นเรื่อง "วัดใจ" ของคณะกรรมการ ป.ป.ช จะลงมติอย่างไร?
ต้องไม่ลืมว่า กระแสสังคมตอนนี้ เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะ หลังจาก "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" ถูกระบุมีส่วนเชื่อมโยงกับคดีมินนี่เครือข่ายพนันออนไลน์ จนกลายเป็นเรื่องสะท้านสะเทือนวงการสีกากีในตอนนึั มติที่ประชุมของป.ป.ช.ต่อเรื่องนี้จะมีนัยสำคัญต่อคดึโจ๊กและลูกน้อง รวมไปถึงต่อองค์กรตำรวจทั้งหมด และ ป.ป.ช
ตำรวจ และ ป.ป.ช.มีหนึ่งอย่างที่เหมือนกันในขณะนี้ คือ ตกต่ำดำมืด เรียกว่า ถึงขั้นวิกฤตศรัทธา
ตำรวจพยายามกวาดบ้านตัวเองก็นับว่าดี แต่ ป.ป.ช.ไม่มีเปลี่ยน ถูกคนนินทา หมาดูถูก ว่า เป็นองค์กรที่ถูกผู้มากบารมึครอบงำไว้ในมือ
นับแต่ที่มี "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธาน ป.ป.ช.มีภาพของการต่างตอบแทนผู้มากบารมีเสมอ
คดี "นาฬิกาเพื่อน" เป็นตัวอย่างที่บ่งบอกว่า ป.ป.ช. พร้อม "รับใช้" ใครก็ได้ที่มีอำนาจบารมี
ว่ากันว่า อิทธิพลบารมีของลุง ป.ไม่รู้ๆ ใครจะเข้าใน ป.ป.ช.หากไม่ได้เสียงสนับสนุน "สว.สายลุง" ก็ยากจะผ่านด่านสว.
ดูตัวอย่างที่ "บิ๊กจ้าว" พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ที่วืดเข้าเป็นบอร์ด ป.ป.ช.เป็นต้น
แต่ที่หนักหนาสาหัสกว่า คือ การครอบงำเหมือนเป็นมะเร็งร้ายในองค์กรที่ไม่หยุดอยู่แค่ระดับบนลุกลามไปเบื้องล่างด้วย
คนใน ป.ป.ช. รู้กันดี ตอนนี้ "สนิมเกิดแต่เนื้อในตน" กำลังเน่าในทุกระดับทุกชั้นเป็นทอดๆ เพราะ ถูกครอบงำตามไปด้วย
ด้วยน้ำมือของอดีตบอร์ดฉายา "เจ๊ไม่ยอม" และ "นายตำรวจใหญ่" ที่คุณก็ว่าเป็นใคร?
ดังหลักฐานพยานประจักษ์ชัดกันหลายรัอยหลายพันหูได้ยิน คำพูดอหังกาอวดบารมีของนายตำรวจใหญ่ว่า สนิทกับอดีตบอร์ดจะสั่งคดีใน ป.ป.ชไปในทางทิศไหนก็ได้ ที่หลุดออกมาก่อนหน้้านี้นั่นไง
แม้ว่า โฆษก ป.ป.ช จะเจ๋อออกมาปฏิเสธทันควันว่า ไม่มีเรื่องแบบนี้ ทำไม่ได้หรอก! แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
ตอนนั้นใครๆ ก็สงสัยว่าทำกันอย่างไร
งานนี้ได้เปิดหูเปิดตามาจากคนในว่า วิธี "สั่งคดี" สำคัญอยู่ที่ขั้นตอนในการ "ชง"
ส่วนงานที่ "ต้องสงสัย" มากที่สุดอยู่ที่ "สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐ" ที่รับคดีของข้าราชการและพนักงานของรัฐทำผิดซึ่งก็รวมถึง "ตำรวจ" มาไต่สวน
เริ่มจากระดับปฏิบัติการ "ไต่สวน" ที่มีการใช้ "ดุลยพินิจ" ส่วนตัวมาลุยถั่วมั่วเอาได้
หลังจากสำนักงานรับคดีเข้ามาแล้วเข้าสู่การไต่สวน พนักงานจะเลือกไต่สวนไปตาม"ธง"
นอกจากคดีไม่ได้ถูกเรียงลำดับตามความสำคัญ อยู่ที่จะ "หยิบ" คดีเป้าหมายว่าเป็นคดีไหนมาก่อน"ตามสั่ง"
ถ้าเป็นศัตรูก็ไต่สวนข้างเดียว ปิดจ็อบให้เร็ว สรุปชงขมให้อนุกรรมการฯดำเนินการ"ชี้มูล"ต่อไปบอร์ดใหญ่ก็เอวัง
ถ้าเป็น "พวกกัน" ก็ "หวานเจี๊ยบ"!! เป่าคดีได้ว่า "ไม่มีมูล" ตั้งแต่ส่งให้อนุฯ
ว่ากันว่า คดีของโจ๊ก 5-6 คดีดองเค็มใส่เกลือไว้ก็ด้วยกลวิธีของขั้นตอน พึ่งพาบริการของชุดปฎิบัติการ "ไต่สวน"
บางคดีเช่น "ส่วยคาราโอเกะ" ที่"บิ๊กโจ๊ก"ถูกฟ้องต่อมาสรุปว่า "ไม่มีมูล" เพราะไต่สวน "เสี่ยแต๋ม" อุดร คนคุ้นเคยรองผบ.ตร.ให้การเป็นพยาน ซึ่ง ป.ป.ช.ก็เชื่อสนิทใจ
เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า พนักงานชุดไต่สวนชุดนี้เป็นคนของ "เจ๊ไม่ยอม" และ "นายตำรวจใหญ่" ช่วยดูแลกันมานาน
แม้อดีตบอร์ดจะพ้นจาก ป.ป.ช.ไปแล้ว แต่คีย์แมนคนสำคัญ ชื่อย่อ "พ.พาน" ยังทำหน้าที่เป็น "เครื่องจักรสังหาร" ประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม และ อุ้มพวกพ้องเอาไว้สืบต่อแทนเจ๊
พนักงานไต่สวน "พ.พาน“ ยังมีพวกอีกสองคนที่แสบพอกันคือ ”ว” อดีต ผอ.สำนัก และ “ส.”พนักงานไต่สวน
คนใน ป.ป.ช.เขาเอือมระอากับพฤติการณ์ของคนกลุ่มนี้เต็มกลืน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะ "เจ๊ไม่ยอม" และ "นายตำรวจใหญ่" คอยปกป้อง
ประกอบกับ ผู้บริหารเบื้องบนศิโรราบกับผู้มีอำนาจ ปล่อยองค์กรให้ตกต่ำดำดิ่ง ก็ได้จะหวังว่าเมื่อพ้นจากยุคของ "บิ๊กกุ้ย" ไปแล้ว "ขยะ" เหล่านี้จะถูกกำจัดทิ้งไปเสียที
อำนาจบาตรใหญ่ของ "เจ๊ไม่ยอม" เป็นที่เลืองลือใน ป.ป.ช.ขนาดจะไปยัง "ทิ้งทุ่น" เซ็นสั่งให้ ป.ป.ช. เรียกตัว "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี มาสอบ ในฐานะที่แต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.
นี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ๊ไม่ยอมกับนายตำรวจใหญ่ที่ไม่ธรรมดา "บุญคุณตัองตอบแทน แค้นต้องชำระ" ร่วมกัน
คนที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้แทบไม่ต้องบอกว่าชื่ออะไร?
ป.ป.ช.สนิมเกิดจากเนื้อในตน มติคดีโจ๊ก-มินนี่ นี่จะเป็นบทพิสูจน์ว่า ป.ป.ช.เป็นองค์กรอิสระอย่างแท้จริงหรือจะยังเป็นองค์กรที่ถูกครอบงำ!
โปรดติดตามอย่ากระพริบตา.