เมืองไทย 360 องศา
การเคลื่อนไหวของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาดที่กำลังอยู่ในระหว่างการ “พักโทษ” เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาถือว่าน่าสนใจยิ่ง เพราะเป็นการสะท้อน “สถานะ” และความสำคัญของแต่ละคนได้อย่างดี
ทั้งนี้ เมื่อตอนเที่ยง นายเศรษฐา ทวีสิน ได้นั่งรถประจำตำแหน่งคันใหม่ ซึ่งเป็นรถยนต์ All NEW Lexus LM 350h Executive 4-Seater สีเงิน Sonic Titanium ทะเบียน “สร 30 กรุงเทพมหานคร” และน่าสนใจตรงที่เลขทะเบียน เพราะนั่นคือ รหัสสำหรับใช้กับนายกรัฐมนตรี และ เลข 30 น่าจะหมายถึง นายกฯคนที่ 30 หรือเปล่า โดยนายเศรษฐา ได้นั่งรถยนต์คันดังกล่าว เข้าพบนายทักษิณ ที่บ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69
หลังการเข้าพบเกือบ 2 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ก่อนมาเข้าพบตนได้โทรศัพท์ไปสอบถามอธิบดีกรมคุมประพฤติ ว่าสามารถมาเยี่ยมได้ปกติหรือไม่ เพราะเป็นวันเสาร์ เมื่อช่วงเช้าตนติดตามงานอยู่ที่บ้าน ก็เลยคิดไว้ว่าจะมาเยี่ยมเยียนท่าน ก่อนจะไปภารกิจตรวจเยี่ยมบ้านพักข้าราชการทหาร และเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมาฆบูชา พุทธศักราช 2567 ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
ส่วนนายทักษิณ ได้ให้คำแนะนำการทำงาน หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดจาอะไรกันมากขนาดนั้น เพราะท่านยังมีอาการเจ็บที่แขนอย่างที่เห็น แต่เริ่มขยับได้บ้าง และเชื่อว่าอาการคงดีขึ้น เพราะมีความสุขที่ได้อยู่บ้าน หลังไม่ได้อยู่มานาน 17 ปี ทำสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสดี อารมณ์ดี และนายทักษิณ นายกรัฐมนตรีที่มีความนิยมมากที่สุด ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีความรู้สะสมมา
เมื่อถามว่า นายทักษิณ มีความกังวล หรือห่วง การทำงานหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ได้ห่วงอะไร ไม่ได้บอกอะไร ไม่ได้มาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผม ไม่มี แต่ได้ให้กำลังใจ และบอกว่า ตัวนายทักษิณอายุ 74 ปีแล้ว แก่กว่าตนเอง 1 รอบ พร้อมระบุว่า ท่านทำงานหนักมา ก็ป่วย นายกฯ เองก็ต้องดูแลสุขภาพด้วยเหมือนกัน เพราะทำงานหนัก และชี้ให้เห็นว่าชีวิตมีมากกว่าการทำงาน มาทำงานตรงนี้แล้วเราเสียสละ มีความหวังของพี่น้องประชาชนเยอะ ก็ต้องทำงานให้หนัก อันนี้เป็นความคิดของตน แต่นายทักษิณก็บอกให้ตนพักบ้าง เห็นแต่ข่าวทำงานหนักเหลือเกิน
เมื่อถามว่าในอนาคตจะมีโอกาสให้นายทักษิณ มาช่วยงานรัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ยังไม่ได้พูดคุย วันนี้ขอให้ท่านรักษาตัวของท่านเองก่อนดีกว่า จุดมุ่งหมายหลักคือให้ ร่างกายของท่านกลับมาแข็งแรงสมบูรณ์ ดีกว่า กลับมาใช้ชีวิตปกติได้
เมื่อถามว่าหากดูจากสภาพร่างกายของนายทักษิณ คาดว่าประมาณกี่เดือน กว่าที่นายทักษิณจะหายเป็นปกตินายกรัฐมนตรี ถึงกับตอบเสียงแข็ง ว่าผมไม่ใช่หมอ ก่อนที่จะตอบเสียงอ่อนลงว่า ตนก็ถาม ท่านก็บอกว่าดีขึ้น ไหล่ก็พอขยับได้ ตนก็เห็นสีหน้าท่านยิ้มแย้ม แจ่มใสที่ได้กลับมาบ้าน ก็ไม่อยากระลาบละล้วง ถามว่าท่านเจ็บตรงไหนอย่างไร ก็เหมือนคนป่วย
ส่วนมีโอกาสจะตั้งนายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ได้พูดคุย ไม่มีโอกาสได้คุยตรงนี้ ไม่ได้คุยการตั้ง หรือจะมาช่วยบ้านเมืองอย่างไร ไม่มีเลย แต่ท่านก็มีความเป็นห่วงบ้านเมือง บอกว่าช่วงนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ ปัญหาเศรษฐกิจมันเยอะ ตนก็ตอบครับ ก็ยังทำงานต่อไป ไม่ได้หนักใจอะไร เพียงแต่ขอให้ท่านรักษาร่างกายให้ดี
“ผมเชื่อว่า อดีตนายกรัฐมนตรีทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีไหนก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกท่านก็มีความหวังดีกับบ้านเมือง และทุกเรื่องที่แนะนำมาจะทำได้หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของบริบทในปัจจุบัน มีขีดจำกัดต่างกันไปต่างสมัยกัน แต่เรื่องนี้เราต้องทำใจกว้าง” นายเศรษฐา ระบุ และยังเปิดเผยอีกว่า เมนูอาหารมื้อกลางวันในวันนี้ นายทักษิณ ได้รับประทานก๋วยเตี๋ยวน้ำกุ้ง ส่วนตนรับประทานข้าวซอย
แน่นอนว่าการเข้าพบ นายทักษิณ ของ นายเศรษฐา ต้องถูกจับตามองอยู่แล้ว และแม้ว่าสังคมจะรับรู้กันดีอยู่แล้วว่า สถานะของ นายทักษิณ ชินวัตร ในเวลานี้ ไม่ต่างจาก “นายกฯตัวจริง” หรืออาจจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็น “เจ้าของรัฐบาล” มาตั้งนานแล้วก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าสำหรับ นายเศรษฐา ที่ถูกมองว่าเป็นแค่ “นายกฯในนาม” เท่านั้นเอง
อีกทั้งภาพที่ นายเศรษฐา “นั่งรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” เข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านพักดังกล่าว ถือว่ามีความหมายในตัวของมันเอง แบบไม่ต้องอธิบายใดๆ อีกแล้ว เพราะมันไม่ต่างจากการเข้าไปรายงานตัวหลังการเข้ารับตำแหน่ง เข้าไปรับโอวาท และรับฟังข้อเสนอแนะอะไรประมาณนั้น และต่อไป “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ก็จะถูกเปรียบเทียบว่าไม่ต่างจากทำเนียบรัฐบาลอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นศูนย์บัญชาการอำนาจของจริง
ขณะเดียวกันในเรื่อง “อาการป่วยขั้นวิกฤต” ที่ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้ จนเป็นเงื่อนไขสำหรับการพักโทษนั้น ตอนนี้ถือว่าเลิกพูดถึงกันไปแล้ว เพราะนับตั้งแต่เมื่อคราวที่ นายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นนายกฯตัวจริงหรือว่า “ผู้ทรงอิทธิพล” ในประเทศนั้น เข้าพบเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีการถ่ายรูปร่วมกัน รวมไปถึงโชว์เมนูอาหารสุดหรูออกมาให้เห็นนั้นก็ถือว่า อาการป่วยของนายทักษิณ ไม่มีให้เห็นแล้ว อีกทั้งหน้าตาก็อิ่มเอิบ จนถูกแซวว่าดูสดชื่นกว่า นายฮุนเซนเสียอีก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสังคมส่วนใหญ่แทบไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถูกมองว่าเป็นการเล่นละครตบตาเท่านั้นเอง
เมื่อหันมาพิจารณาจากภาพการเข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร ของ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นการตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจน และไม่ต้องปิดบังกันแต่อย่างใด ส่วนภาพจะออกมาในทางบวกหรือลบ เชื่อว่าต้องมีปฏิกิริยาจากสังคมอย่างแน่นอน
แต่ไม่ว่าจะมีเสียงวิจารณ์ เสียงตำหนิแบบไหนก็ตาม เชื่อว่าพวกเขาไม่แคร์อยู่แล้ว เพราะเชื่อว่า “คุมเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จ” มีทุกอย่างอยู่ในมืออยู่แล้ว
อีกทั้งหลังจาก นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เข้าเยี่ยมคารวะ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่ามีสถานะที่เรียกว่าเป็น “นักโทษ” แต่มีอำนาจบารมีมากที่สุดในประเทศนี้ ทำให้เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะมีบรรดารัฐมนตรีทยอยเข้าพบเพื่อคารวะ และรายงานตัว รับโอวาท ตามมาอย่างแน่นอน แต่อีกด้านหนึ่งมันก็อาจสะสมความไม่พอใจให้กับคนในสังคมที่รับไม่ได้กับการย่ำยีหลักการ กระบวนการยุติธรรม อภิสิทธิ์ชน เพราะนี่คือคนไม่เท่ากันของจริง !!