วันนี้(25 ก.พ.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามนโยบายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า
นายอนุทิน ได้ติดตามสถานการณ์รายจังหวัดอย่างใกล้ชิด มีการประเมินผลปฏิบัติการ พร้อมทั้งระดมสรรพกำลังในการเร่งแก้ไขสถานการณ์ ที่ทางจัดหวัดมีแผนการอยู่แล้ว ทั้งนี้ สาเหตุของฝุ่น มาจากปัจจัยภายนอกประเทศ และภายในประเทศ อาทิ ไฟป่า และการเผาทางการเกษตร ได้เน้นย้ำ ขอให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและวางมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเข้มข้น
ทั้งได้มีข้อสั่งการให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานทุกจังหวัดแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ผ่านระบบการจัดการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) และกลไกเชิงพื้นที่ ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ หน่วยงานทหาร ภาคเอกชน และภาคประชาชน ดังนี้
1.ยกระดับการปฏิบัติการควบคุมการเผาในพื้นที่อย่างเข้มงวด โดยใช้มาตรการทางกฎหมายห้ามเผาอย่างเด็ดขาด ไปจนถึงการกำหนดเวลา มิให้เพลิงลุกลาม กรณี ต้องควบคุมเพลิง
2.ใช้ข้อมูลตำแหน่งจุดความร้อน (Hotspot) เพื่อชี้เป้าและวางแผนปฏิบัติการดับไฟป่าเป็นไปได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และทันท่วงที พร้อมประสานอากาศยาน สนับสนุนปฏิบัติการ
3.ระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเข้าปฏิบัติการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
4.ยกระดับมาตรการดูแลประชาชน โดยจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง พร้อมแนะนำวิธีปฏิบัติตนเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก
5.เน้นลดผลกระทบจากฝุ่นที่มีผลต่อสุขภาพเด็กและเยาวชนในสถานศึกษาและศูนย์เด็กเล็ก โดยให้ผู้บริหารสถานศึกษาปรับรูปแบบการเรียนการสอนหรือปิดการเรียนการสอน กรณีเกิดวิกฤตฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่
6.สร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมให้กับประชาชน ให้มีความรู้ถึงอันตรายของฝุ่น และการควบคุมการเผา
นายอนุทิน เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการ เป็นด่านสำคัญในการแก้ปัญหาภายในพื้นที่ทั้งการสกัดการเผา ไปจนถึงการดับไฟ โดยให้ร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคลี่คลายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ