เมืองไทย 360 องศา
เรียกว่ามาถึงก่อนใครสำหรับ นายฮุนเซน หรือที่เรียกว่า สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน หรือ สมเด็จฮุน เซน ประธานคณะองคมนตรีกัมพูชา อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เดินทางเข้าพบหรือเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่ามีอาการป่วยหนัก และได้รับการพักโทษที่บ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ที่คนทั่วไปเข้าใจในชื่อ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” นั่นแหละ ทำให้มีเรื่องที่ต้องจับตามองมากมายว่า วัตถุประสงค์แท้จริงสำหรับการมาหรือการพบกันครั้งนี้เป็นเรื่องใดกันแน่
เป็นการมาเยี่ยม และไต่ถามสารทุกข์สุขดิบด้วยความห่วงใย ตามประสาคนคุ้นเคยกันมานาน หรือว่ามีเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจบางอย่างหรือไม่
นายฮุนเซน ได้โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นการส่วนตัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69
เขาโพสต์ข้อความเป็นภาษากัมพูชา มีใจความสรุปได้ว่า เดินทางมาเยี่ยม นายทักษิณที่บ้านในกรุงเทพมหานคร แม้จะยังป่วย แต่นายทักษิณได้ให้การต้อนรับอย่างดีแบบพี่น้อง โดยมี “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็ก หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมให้การต้อนรับด้วย ทั้งนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ได้เชิญ “อุ๊งอิ๊ง” ไปเยือนกัมพูชา ในวันที่ 14-15 มีนาคมนี้
สมเด็จฯฮุนเซน ระบุอีกว่า ทั้งสองอดีตนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกัน โดยไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่การรำลึกความทรงจำในมิตรภาพระหว่างกันตลอด 32 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 1992 ขอบคุณพี่ชาย และหลานที่ให้การต้อนรับอย่างดี
จากนั้น เมื่อเวลา 13.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่า นายฮุนเซน พร้อมคณะได้เดินทางออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ภายหลังเข้าเยี่ยม และรับประทานอาหารร่วมกันกับนายทักษิณ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยใช้เวลาอยู่ในบ้านจันทร์ส่องหล้า ประมาณ 2 ชั่วโมง
แม้ว่า นายฮุนเซน จะโพสต์ยืนยันแล้วว่าการพบกันกับ นายทักษิณ คราวนี้ไม่มีเรื่องการเมือง มีแต่การรำลึกความหลังกันเท่านั้นก็ตาม อย่างไรก็ดี ด้วยทั้งคู่ต่างก็มี “สถานะพิเศษ” มันก็ย่อมถูกจับตามอง และมีการคาดการณ์กันไปว่า น่าจะมีเรื่องอื่นที่ต้องมีการหารือเป็นการด่วนหรือไม่
รับรู้กันอยู่แล้วว่า นายฮุนเซน แม้จะเพิ่งสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้กับลูกชาย คือ ฮุน มาเนต เพื่อสืบทอดต่อไปหลังจากที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศแห่งนี้มานานเกือบ 40 ปี แต่เขาก็ยังถือว่าเป็น “ผู้ทรงอิทธิพล” มากที่สุดในกัมพูชา อย่างแน่นอน ขณะที่นายทักษิณ ก็เข้าใจกันดีว่า นอกจากเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยตัวจริงแล้ว เขายังมี “สถานะเหนือรัฐบาล” เหนือ นายกรัฐมนตรี คือนายเศรษฐา ทวีสิน
ขณะเดียวกันหากพิจารณาจากความใกล้ชิด นอกเหนือจากที่นายฮุนเซน บอกว่ามีความรู้จักกันแบบเพื่อนเก่านานกว่า 30 ปี แล้ว ทั้งสองครอบครัวยังถือว่า “เป็นดองกันกลายๆ” อีกด้วย เพราะต้องไม่ลืมว่า ลูกของนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไปแต่งงานกับญาติของ นายฮุนเซน มาก่อนหน้านี้อีกด้วย
อย่างไรก็ดี สาเหตุที่เชื่อว่าการพบกันของทั้งคู่น่าจะมีเรื่องอื่นมาพูดคุยกันด้วย โดยเฉพาะในเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจบางอย่าง และที่ผ่านมาเมื่อหลายปีก่อนนายทักษิณ ชินวัตร ก็เคยไปลงทุนด้านโทรคมนาคมในประเทศกัมพูชา และหากยังจำเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยในกัมพูชา ที่บริษัทของเขาก็ได้รับความเสียหายไปด้วย จนต้องมีการเรียกค่าชดเชยกลับมา
ขณะเดียวกัน หากย้อนไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นลูกชาย ของนายฮุนเซน ก็เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยมีการหารือกันในหลายเรื่อง ทั้งการค้าชายแดน การแก้ปัญหาพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และมีเรื่องการเจรจาเขต“พื้นที่ทับซ้อนในทะเล” ปัญหาเขตแดนอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งประเด็นหลังนี่แหละ ที่จะกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมาอีก
เพราะที่ตรงนั้นนอกจากเคยเป็นพื้นที่พิพาท และการอ้างสิทธิ์ รวมทั้งเชื่อกันว่าอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งก๊าซธรรมชาติ และน้ำมัน ที่ผ่านมาระหว่างการเยือนของ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ระหว่างการพบกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีการหารือกันในเบื้องต้นไปแล้ว และมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อหารือกันต่อเพื่อหาข้อยุติ และมีการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน
นอกเหนือจากนี้ หากพิจารณากันถึงสภาพเศรษฐกิจของกัมพูชาในวันนี้ กำลังมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากที่ผ่านมา กัมพูชาพึ่งพาทุนจีนเป็นหลัก หลังจากที่เศรษฐกิจจีนเริ่มมีปัญหา ก็ส่งผลกระทบมาถึงกัมพูชาด้วย อีกทั้งระบบเศรษฐกิจยังพึ่งพาการท่องเที่ยว และธุรกิจสิ่งทอ แต่จนถึงปัจจุบัน หลังจากที่ปัญหาโควิดคลี่คลายลงไปแล้ว แต่ธุรกิจหลักทั้งสองอย่างดังกล่าวก็ยังไม่กระเตื้อง ทำให้เกิดปัญหาว่างงาน มีปัญหาหนี้สินทั้งของรัฐและภาคเอกชนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
เมื่อวกกลับมาที่เรื่องการพบกันระหว่างสองคน คือ ฮุนเซน กับ นายทักษิณ ที่ทุกครั้งที่พบกันมักจะมีเรื่องให้เกิดข้อครหาให้วิพากษ์วิจารณ์ทุกครั้ง คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มีการจับตากันว่าจะมีอะไรนอกเหนือจากการเยี่ยมเยียนอาการเจ็บป่วยตามที่แสดงออกมาให้เห็น เพราะหลายคนเชื่อว่า น่าจะมีเรื่องอื่นมาหารือด้วยหรือเปล่า
อีกทั้งด้วย “สถานะพิเศษ” ของทั้งคู่ มันก็ย่อมไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจที่ต้องถูกจับตามอง และมีคำถามเกิดขึ้น ขณะเดียวกันจากการเปิดเผยของ นายฮุนเซน ยังระบุอีกว่า มีการเชิญ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 14-15 มีนาคม นั่นย่อมแสดงว่า มีการตอบรับกันไปแล้วใช่หรือไม่ ถึงกับระบุวันเวลาดังกล่าวออกมา
ดังนั้น แม้ว่านาทีนี้ยังไม่อาจแคะคุ้ยออกมาได้ว่ามีการหารือกันในเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์” ของทั้งคู่แล้วก็ชวนให้สงสัย ขณะเดียวกันก็ต้องจับตามองการนำคณะไปเยือนกัมพูชาในวันที่ 14-15 มีนาคมของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ตามคำเชิญของ นายฮุน เซน ว่ามีการคุยกันเรื่องใดบ้าง เพราะอย่างน้อยเธอก็เป็น “ว่าที่นายกฯ”ด้วยเหมือนกัน !!