สภารับหลักการร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. กำหนดหน้าที่ กอ.รมน. ก้าวไกลล้างมรดกรัฐประหาร ฟื้นสภาที่ปรึกษาฯ ยกพลเรือนเหนือทหาร พท.ย้ำ ระบบรวมอำนาจที่นายกฯควรหมดไป รทสช.หนุนหาวิธีใหม่ แนะปัดฝุ่นนโยบาย “น้าชาติ” ส่วน “จาตุรนต์” ย้ำ ก้าวแรกแก้ กม.พิเศษ ให้ ปชช.ออกแบบเอง
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ยกเลิกคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 14/2559 เรื่องคณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการกำหนดหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ นายยูนัยดี วาบา ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ และคณะเป็นผู้เสนอ โดยมีร่างของ นายรอมฏอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มาพิจารณาร่วมกัน
โดย นายยูนัยดี เสนอหลักการว่า การมีส่วนร่วมของประชาชน มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะพิเศษในหลายด้าน ทั้งด้านศาสนา ภาษา เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ที่ผ่านมามีสถานการณ์ความไม่สงบเป็นเวลานานเกือบ 20 ปี ปัญหาที่เกิดขึ้นมีความละเอียดอ่อนและความซับซ้อน เชื่อมโยงหลายมิติ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ จึงมี พ.ร.บ. การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553 เป็นกฎหมายตราขึ้นเพื่อให้มีหน่วยงานหลักมีการบูรณาการพัฒนาแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ให้เป็นระบบ ให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจหน้าที่ที่สำคัญ เช่น ให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์ เห็นชอบแผนงานโครงการจัดตั้งงบประมาณ มีการตั้งสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เป็นกลไกลสำคัญในการพัฒนาแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนใต้ มีการกำหนดให้มีตัวแทนจากคนในพื้นที่
ต่อมาได้มีคำสั่ง คสช. ที่ 14/2559 ทำหน้าที่แทน โดยกำหนดองค์ประกอบขึ้นใหม่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา ไม่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหา ให้เกิดความสงบสุขในท้องถิ่นที่อาศัยอยู่ ตนและคณะจึงเสนอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และให้สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้กลับมาบริหารงานดังเดิม
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอหลักการแทนนายรอมฎอน ว่า ปัญหาชายแดนภาคใต้มีมายาวนนานมากกว่า 100 ปี ร่างของพรรคก้าวไกลต้องการยกเลิกคำสั่ง คสช. เป็นการล้างมรดกของการรัฐประหาร เป็นการฟื้นสภาที่ปรึกษาชายแดนภาคใต้ ฟื้นพลเรือนให้มีบทบาทในการแก้ไขเหนือทหาร แต่อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์
“การพูดถึงเขตปกครองพิเศษ และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่จะดูแลปัญหาพื้นที่ภาคใต้ด้วยรูปแบบการปกครองนั้นอาจมีความจำเป็น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตลอดหลังจากรัฐประหาร 2557 ที่ผ่านมา อย่างน้อยที่สุด มีทั้งหมด 4 คำสั่ง รวมถึงประกาศที่ส่งผลถึงการทำหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”
ด้าน นายชูศักดิ์ เสนอหลักการว่า คำสั่ง คสช 14/2559 เป็นการรวมศูนย์อำนาจไปไว้ที่ส่วนกลางเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี แต่ไม่มีตัวแทนจากแต่ละภาคส่วน การบริหารเช่นนี้เป็นผลทำให้การบริหารปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งยังมีปัญหาเพิ่มขึ้น แม้แต่รัฐบาลปัจจุบันก็ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากหลายหน่วยงานว่า ควรยกเลิกคำสั่ง คสช. แล้วกลับไปใช้กฎหมายเดิม กล่าวได้ว่าทั้ง 3 ร่าง พ.ร.บ. ที่มีผู้เสนอมา มีเจตจำนงเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป และเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์
นายชูศักดิ์ ยังทิ้งท้ายว่า ระบบกฎหมายของไทยขณะนี้ ถ้ายึดอำนาจการปกครองประเทศ แล้วออกคำสั่งประกาศต่างๆ ใช้เวลาเท่าใด บางท่านก็ว่าใช้เวลาวันเดียว พอยึดอำนาจแล้วศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ออกกฎหมายอะไรได้หมด ครั้นเราจะยกเลิก ต้องเสนอร่าง พ.ร.บ. ผ่านวาระต่างๆ อาจใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือนหรือเป็นปี เรื่องนี้สภาผู้แทนราษฎรควรต้องตระหนัก ว่าระบบแบบนี้ควรหมดไปจากประเทศไทย โดยทั้งสภาฯ และศาล ต้องไม่ยอมรับประกาศคำสั่งใดๆ ไม่ยอมรับการยึดอำนาจรัฐประหาร ว่าไม่ใช่สิ่งดีงาม ไม่ร่วมมือด้วย ฝากเป็นข้อคิดอุทาหรณ์ไปยัง ส.ส. ว่าเราควรต้องตระหนักถึงหน้าที่ของเราในส่วนนี้
ทั้งนี้ สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวางในเชิงสนับสนุน นายปรเมษฐ์ จินา ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายแสดงความคิดเห็นว่า เมื่อเหตุการณ์ล่วงเลยมาแล้ว ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธี และเมื่อได้ประเมินบทเรียนที่ผ่านมา จะพบว่าคำสั่ง คสช. ยังแก้ปัญหาไม่ได้ดีเท่าที่ควร และเสนอว่าให้ใช้แนวคิดในสมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ให้เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า และเพิ่มสัดส่วนตัวแทนของประชาชน เข้าไปในสภาที่ปรึกษาฯ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลและจังหวัด ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่งเสริมทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ให้เป็นทั้งแหล่งประมงและแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มรายได้
ขณะที่ นายซาการียา สะอิ ส.ส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย อภิปรายสนับสนุน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของ ศอ.บต. และ กอ.รมน. ที่คนจังหวัดอื่นอิจฉา เพราะงบประมาณมักจะลงไปที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ตนเองพูดในฐานะคนในพื้นที่ อยากให้เป็นเหมือนจังหวัดอื่นๆ ไม่ได้ต้องการหน่วยงานพิเศษแต่เราเลือกไม่ได้ งบประมาณหลายแสนล้านบาทที่เข้ามา ไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นเลย
นายซาการียา ระบุว่า สิ่งสำคัญคือการช่วยเหลือเยียวยาคนในพื้นที่ ซึ่ง ศอ.บต. ต้องสนับสนุน คนจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ได้ต้องการอะไรพิเศษกว่าคนจังหวัดอื่น นอกจากสังคมดี เศรษฐกิจดี การศึกษาดี แต่ด้วยคำสั่ง คสช. ให้แต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาฯ ซึ่งไม่ได้มีความเข้าใจในพื้นที่ จึงเห็นควรว่าควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และ กอ.รมน. ที่เป็นทหาร ก็ควรดูแลด้านความมั่นคง ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เราจึงควรเลือกคนให้ถูกกับงาน
ด้าน นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ ได้อภิปรายสนับสนุนการยกเลิกคำสั่ง คสช. แต่ถ้าจะให้สมบูรณ์ที่สุด ควรยกเลิกถึง 3 ฉบับ ซึ่งพรรคประชาชาติได้ยื่นเข้าไปแล้ว เพื่อให้แก้ปัญหาอย่างครบวงจร และสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเลือกตัวแทนมาดูแลงบประมาณของ ศอ.บต. และกำหนดทิศทางการแก้ไขปัญหา
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ศึกษาติดตาม และส่งเสริมการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลุกอภิปรายว่า คำสั่งของคณะ คสช. 14/2559 อ้างว่าภายใต้ พ.ร.บ.บริหารจัดการชายแดนภาคใต้ สภาที่ปรึกษาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ สาเหตุที่ คสช.หวั่นไหวเพราะสภานี้มีอำนาจหน้าที่เชื่อมโยงกับประชาชน ฝ่ายกฎหมาย และการพูดคุยสันติภาพ กับ ศอ.บต. คนแต่งตั้งคือนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจเหลือหน้าที่เพียงให้คำปรึกษา ศอ.บต. ให้ความเห็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรรับฟังความคิดเห็น หมายความว่านายกรัฐมนตรีไม่ถามก็ไม่ต้องให้ความคิดเห็น ต่างจากสภาที่ปรึกษาที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษา นอกจากนี้ก็แต่งตั้งคณะทำงานได้ตามความเหมาะสม แต่การที่อำนาจหน้าที่หายไป ปัญหาจึงเกิดขึ้นมากในทุกด้าน เช่น การเยียวยา ลูกหลานเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการดูแล การพิพาทระหว่างรัฐหับประชาชน ปัญหาการศึกษา ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่สภาที่ปรึกษาจะผลักดันเรื่องนี้ได้
“ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดเคยพยายามเสนอความเห็นต่อภาครัฐ แต่ไม่มีใครฟัง ปกติถ้ามีสภาที่ปรึกษา เขาก็จะเสนอผ่านสภาที่ปรึกษาได้ อันนี้ก็ขาดหายไป ยังมีเรื่องอื่นอีกหลายเรื่องที่เป็นปัญหาเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีสภาที่ปรึกษา” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ ย้ำว่า ปัญหาคำสั่ง คสช. ยังมีเรื่องการขยายอำนาจของกอ.รมน. เข้ามาล้วงลูก แทรกแซง ทำแทนหน่วยงานพลเรือน ทำให้เจตนารมณ์ของการมี ศอ.บต.นั้นถูกเปลี่ยนไป แทนที่จะให้ฝ่ายมีพลเรือนมีบทบาท ดังนั้นสภาที่ปรึกษาจะทำให้ ศอ.บต.กลับมามีบทบาทมากขึ้น ในระยะหลังมีองค์กรที่สลับซับซ้อนมาก ระดับประเทศถึง 3 องค์กร อยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย สภาความมั่นคง กอ.รมน. และ ศอ.บต. โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทั้งหมด แต่ไม่มีการทำงานประสานร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ มีกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน และกฎอัยการศึก จะเห็นได้ว่าโดยองค์กรและกฎหมาย กองทัพมีบทบาทเป็นหลักกดทับ วันนี้ถ้าเรายกเลิกคำสั่ง คสช. จะเป็นก้าวสำคัญในการระดมความคิดจากประชาชนให้แก้ปัญหาชายแดนภคใต้ และมาคิดกันว่าเราจะออกแบบระบบกฎหมายอย่างไร ทำให้เกิดความสงบต่อสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ สภาก็ตั้ง กมธ. รัฐบาลก็ตั้งคณะทำงานพูดดคุย หากสภาเห็นชอบจะทำให้เข้าใจปัญหาและจะนำไปสู่การได้ผลมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติเห็นชอบทั้ง 3 ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. และกำหนดหน้าที่ของ กอ.รมน. 421 เสียง ไม่เห็นชอบไม่มี งดออกเสียง 1คน และไม่คะแนน 1 คน พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จำนวน 31 คน เพื่อพิจารณาต่อไป