ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จับโป๊ะ "โจ๊ก" ปากว่าเป็นศัครูตัวฉกาจเว็บพนันออนไลน์ แต่ไหงร่วมวงร้องโอเกะกับ“มินนี่” รับเชิญเป็นประธานงานแต่ง "เมฆ รามา"!
เมื่อ“โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. กับ ลูกน้อง 8 นายถูกกล่าวหามีเอี่ยวกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่”
นั่นหมายถึง กงล้อกระบวนการยุติธรรมหมุนแล้วใครก็หยุดไม่ได้ รอง ผบ.ตร.ผู้ชื่นชอบ “หิวแสง” จำเป็นต้อง “แถ-ลง”
เรื่องจริง คือคดีอยู่ในชั้นอัยการ แต่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แถชี้นำสังคมว่า นี่เป็น“นิยาย”โดยมีผู้ประพันธ์คอยแต่งเติมเรื่องให้ตัวเองและพวก เป็นผู้ร้าย
สำทับด้วยการไปออกสื่อที่ตัวเองมีบุญคุณให้เงินสนับสนุนทำการ “ด้อยค่าอัยการ” ว่า เป็นงานวิบัติของการสอบสวน วันดีคืนดี สำนวนถูกเผยแพร่ออกมา มีข้อความในสำนวนเผยแพร่ออกมาทำให้เกิดความเสียหาย
พร้อมกับปฏิเสธหลักฐาน “เส้นทางการเงิน” ที่อัยการต้องอธิบายว่า ออนไลน์เป็นพนันตรงไหน ? เว็บพนันต้องมีเส้นทางเงินจากเว็บพนัน เวลาตัวเองไปทำงานกับลูกน้อง ก็ให้เงินค่าข้าวซึ่งคนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ก็เอาไปโยงว่าเป็นเงินจากเว็บพนัน
“โจ๊ก” ยังว่า เรื่องบ่อนพนัน หรือเว็บพนันในนั้น ย่อมต้องจ่ายค่าคุ้มครอง จ่ายให้คนที่สั่งปิดเขาได้ หรือจ่ายให้กับคนที่ให้คุณให้โทษเขา แต่ตัวเองไม่เคยมีหน้าที่ปราบปรามบ่อนพนันหรือเว็บพนัน
ตรงกันข้ามพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยกตัวเอง “ผมนี่แหละเป็นศัตรูตัวฉกาจเว็บพนันออนไลน์” และสรุปว่า ที่ลูกน้องคนสนิท 8 ราย และตัวเองถูกลากเข้าไปมีเอี่ยวกับเว็บพนัน เป็นนิยาย และ“เป็นเรื่องของตำรวจทะเลาะกันเอง”
งานนี้ใครทะเลาะกับใคร หรือจะเป็นนิยายตามที่ “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พูดย้ำ พิสูจน์กันได้ไม่ยาก เพราะ“ความจริงมีหนึ่งเดียว”
โดยเฉพาะคารมที่คิดว่าเด็ด ดูเป็นพระเอก “ผมนี่แหละเป็นศัตรูตัวฉกาจเว็บพนันออนไลน์” ก็ไม่รู้ว่า “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” พูดเอาหล่อ แต่ลืมฉุกคิดอะไรไปอ๊ะป่าว ? เพราะ นักสืบโซเชียลเขา“จับโป๊ะ” ได้ทันควัน
ปากว่า เป็นศัตรูตัวฉกาจแต่ไหง มีเรื่องมีราวให้เล่าขานกันแบบนี้ละหว่า
เริ่มจากคลิปในงานปาร์ตี้ส่วนตัวของ “โจ๊ก” ที่ ไฮไลต์เจ้าตัวร่วมร้องคาราโอเกะคู่กับ “มินนี่” เจ้าแม่เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
เพลงที่ร้องเป็นเพลง “มหาลัยวัวชน “สำเนียงเสียงใต้ของวงพัทลุง ที่ช่วงนั้นฮอตฮิต โดนใจโจ๊กคนใต้เข้าเต็มเปา แถมเนื้อหายังสื่อความนัย แนวอ้อล้อ ฝากเนื้อฝากตัวกัน
ที่เด็ดกว่าคลิปร้องโอเกะกับน้องมินนี่ เห็นจะเป็นหลักฐานหายาก นั่นคือ การ์ดเชิญร่วมงานวิวาห์ระหว่าง “เมฆ” รามา รัศมีรามา เจ้าพ่อเว็บพนันรายใหญ่ของเมืองไทย กับนางเอกสาว“หยาด” หยาดทิพย์ ราชปาล
ว่ากันว่า งานดังกล่าว ชื่อเจ้าภาพที่ปรากฏหราบนการ์ดแต่งงาน ก็คือ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” เชิญแขกมาร่วมงานฉลองวิวาห์ ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันศุกร์ที่ 30 เม.ย.64 เวลา 18.00 น.
น่าเสียดายที่งานแต่งต้องยกเลิกไป เนื่องจากปัญหาการระบาดของ โควิด-19 คู่บ่าวสาว ก็เลยอยู่กินกันไปเลย ใช้ชีวิตหรู กันในเพนท์เฮาส์ ราคาหลายร้อยล้าน จนมีลูกน้อยดังกล่าว
“เมฆ” รามา รัศมีรามา เป็นที่รู้จักของสังคมหลังมีชื่อพัวพันคดีแชร์ลูกโซ่ “Forex-3D” อันอื้อฉาว โดยถูกกล่าวหาว่า เป็นนอมินีให้ “อภิรักษ์ โกฎธิ” ซีอีโอ ฟอเร็กซ์-3D โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินเป็นคอนโดฯเพนต์เฮาส์หรู ในซอยสุขุมวิท มูลค่า 245 ล้านบาทไว้ชั่วคราว
พอมาถึง เมื่อเดือน มี.ค.66 “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขณะนั้นเป็น รอง ผบ.ตร. พาตำรวจคอมมานโด บุกจับกุม “เมฆ รามา” พร้อมยึดทรัพย์สินกองทัพรถหรู คอนโดริมแม่น้ำ โฉนดที่ดิน เงินสด รวมนับพันล้านในคราวเดียว พร้อมกระชากหน้ากาก “เมฆ รามา” ให้โลกรู้ว่า “สามีหยาด” ที่แท้ก็คือนักธุรกิจปลอมๆ ผู้ร่ำรวยมาจากเว็บพนัน เว็บไซต์ www.๑six๘.com และ เครือข่ายรวม 6 เว็บ
ว่ากันว่า เป็นเว็บขนาดใหญ่โตไซส์ ระดับ XXXL เลยทีเดียว
ต่อจากนั้น "เมฆ รามา" สามีหยาดพร้อมกับพวก 10 คน ได้ถูกอัยการสั่งฟ้อง ร่วมฟอกเงินทำเว็บพนันออนไลน์
นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว ส่วน “โจ๊ก” จะเอาเรื่องจริงมาเล่าให้เป็นนิทาน
“โจ๊ก” มีสัมพันธ์เชื่อมโยงกับทั้ง “มินนี่” และ “เมฆ รามา” แต่ยังกล้าปล่อยวาจาอย่างหล่อว่า “ผมเป็นศัตรูตัวฉกาจของเว็บพนัน” เชื่อว่าชาวบ้านได้ยินได้ฟังแล้วย่อมคิดด้วยปัญญาได้เองว่า รอง ผบ.ตร. เป็นคนแบบไหน?
แต่อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างให้คิดไม่ตก ก็คือ ระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ “พิธาคิโอ” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ใครเฉือนใคร นี่ตัดสินลำบากจริงๆ
**ทักษิณวันละโรค ทั้งกระดูกหัก ไม่มีเสียง เอ็นเปื่อยยุ่ย...“อุ๊งอิ๊ง” ต้องออกมาเฉลยเองว่าป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง
การจับผิด “ทักษิณ ชินวัตร” ป่วยทิพย์ กำลังเป็นกระแสดรามาในโลกโซเชียลฯ เพราะภาพที่เห็นว่ามีเฝือกที่คอ และยังมีที่พยุงแขน สีหน้าหงอยๆ ในช่วงที่นั่งรถตู้ออกจากโรงพยาบาล จากนั้นก็มีภาพออกมารับแดดที่ริมสระน้ำ บ้านจันทร์ส่องหล้า ตามมา
ทำให้มีเสียงวิพากวิจารณ์ว่า นี่ไม่ใช่ภาพของคน “ป่วยหนัก” ถึงขั้นวิกฤตจนต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะแอกชัน ที่นั่งริมสระน้ำ ซึ่ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็นคนปล่อยภาพออกมานั้น ถูกจับผิดเยอะมาก ทั้งมือที่กำอยู่ หน้าแหงนมองฟ้า แถมคอบิดเอียง ใช่มองตรงอย่างที่คนใส่เฝือกควรจะเป็น
เรียกว่าดรามากันสนุกสนาน ครึกครื้น
จากนั้นคนที่“ปรารถนาดี” ก็ออกมาพูดถึงอาการป่วยของทักษิณว่า “ป่วยจริง” ไม่ใช่ “ป่วยทิพย์” ซึ่งคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่แพทย์ หรือเป็นข้อมูลการรักษาที่มาจากโรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของใช้
อย่างเช่นวันก่อนที่ “ทักษิณ” นั่งวีลแชร์ ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพบอัยการ และเซ็นรับทราบตามนัดของพนักงานอัยการ ในคดี 112 ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 แจ้งไว้ ซึ่งเขาก็ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ตามความคาดหมาย
แต่ที่เป็นประเด็นคือ ระหว่างการแถลงข่าวของทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดนั้น “ปรีชา สุดสงวน” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา บอกว่า จากที่ได้พูดคุยกับ “ทักษิณ” ประมาณครึ่งชั่วโมง เห็นว่า เขามีอาการป่วยขั้นวิกฤต เพราะต้องนั่งวีลแชร์มา เดินไม่ไหว เวลาพูดก็ไม่ค่อยมีเสียง มีการล็อกคอ ดามคอมาด้วย ดูแล้วป่วยจริง และวิกฤต ดูท่าทางแล้วป่วยหนัก
งานนี้มีเสียงวิจารณ์แบบทัวร์ลงอธิบดีอัยการฯ ทันทีว่า อัยการมีหน้าที่วินิจฉัยคดี ไม่ใช่วินิจฉัยโรค แค่นั่งวีลแชร์ พูดไม่ค่อยมีเสียง ก็บอกว่าป่วยหนักถึงขั้นวิกฤตแล้วหรือ แล้วอย่างนี้ถึงที่สุดแล้วคดี 112 ของทักษิณ จะมีการสั่งฟ้องไหมนี่
ส่วน“บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็ออกมาช่วยด้วยอีกแรงว่า เห็นภาพ “ทักษิณ” ใส่เฝือกที่คอ และแขน ก็รู้สึกสงสาร เพราะที่ผ่านมา มีแต่คนเห็นภาพทักษิณ องอาจแข็งแรง พอเห็นแบบนี้ก็สงสาร คนที่เห็นว่า “ทักษิณ”ไม่ได้ป่วย แต่สร้างสตอรี่ ทำให้ป่วย ซึ่งความจริงแล้ว ป่วยจริง เราก็ต้องเชื่อแพทย์ เชื่อกรมราชทัณฑ์
“กระดูกหักนี่ ผมเห็นหักจริงนะ ไปทำล้อเล่น ไปทำเป็นสร้างภาพไม่ได้ และโดยตัวท่าน ท่านก็มีโรคอยู่ ผมเชื่อว่าป่วยจริง” บิ๊กทิน สรุปว่าทักษิณกระดูกหัก แต่ไม่ได้บอกว่าส่วนไหนหัก แต่คงหมายถึงกระดูกแขน เพราะมีเครื่องพยุงแขนอยู่
ขณะที่ “เสี่ยอ้วน”ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ บอกว่า... ไม่ป่วยจริงได้ยังไง ที่ผมถามมา บอกเป็นเรื่องของเส้นเอ็นไหล่ขาด ผมก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน จะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมก็ขาด ต้องผ่าตัด มันยุ่ยไปหมด ต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล และห้อยแขน 6-7 เดือนกว่าจะคืนมาได้
กลายเป็นว่า มีคนพูดถึงอาการของทักษิณ 3 คน แต่ไปกันคนละทิศ คนละทาง คนหนึ่งบอกว่า ป่วยวิกฤตจนไม่มีเสียง อีกคนว่ากระดูกหัก อีกคนว่าเอ็นเปื่อยยุ่ยไปหมดแล้ว
ในโซเชียลฯ ก็เลยยิ่งดรามาสนุกสนานกันไปใหญ่ กับเรื่องทักษิณป่วยทิพย์
เกิดกระแสดรามาแรงขนาดนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดคงอยู่เฉยไม่ได้ ว่าแล้ว“บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกเพื่อไทย ก็ออกมาชี้แจงแถลงถึงเรื่องการเจ็บป่วยของ “ทักษิณ” ว่าจากที่ได้ถาม “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จึงได้รู้ว่าก่อนกลับเข้าไทยนั้น “ทักษิณ” ติดเชื้อโควิดถึง 3 รอบ มีอาการ “ลองโควิด” โดยรอบแรกหนักสุด ช่วงที่อู่ฮั่นระบาด ป่วยอยู่เป็นเดือน ถึงขั้นเข้าไอซียู ตอนนี้ปอดไม่100% ปอดเป็นฝ้า ระบบหายใจจึงไม่ปกติ
ส่วนที่ต้องใช้เฝือกดามคอ เพราะเป็นโรค “กระดูกคอเสื่อม” ได้มีการตรวจด้วยระบบ MRI ที่ รพ.ตำรวจแล้ว แพทย์แนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด แต่คนไข้ขอให้ออกมาก่อน แล้วจะกลับไปทำการรักษาภายหลัง
และที่ต้องคล้องเฝือกแขน เพราะเป็นโรคเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย ได้ทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงพักฟื้น ต้องใช้เวลาในการกายภาพไม่ต่ำกว่า 1ปี ถึงจะกลับปกติ ซึ่งเป็นโรคของผู้สูงอายุ หายช้า อีกทั้งตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาก็ไม่ได้ออกกำลังกายเลย
“บรู๊ค” จึงอยากบอกกับคนที่คอบจับผิดว่า “ทักษิณ” ป่วยจริง อาการหนักจริงจาก 3 โรคที่ว่า และตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรักษา เมื่อหายจะได้กลับมาใช้ความรู้ความสามารถ เป็นกำลังในการพัฒนาประเทศไทยต่อไป
อาการป่วยของ“ทักษิณ”แม้จะออกจากปากของ “อุ๊งอิ๊ง” ซึ่งถือว่าเป็นคนที่ใกล้ชิด “ทักษิณ” ที่สุด แต่เชื่อเถอะว่า ยังไงเสียก็จะยังมีดรามาตามมา ... ตราบใดที่ยังไม่ใช่ข้อมูลจากแพทย์เจ้าของไข้ ที่โรงพยาบาลตำรวจมายืนยัน