ปลัด ทส.ให้รอ “พัชรวาท-ธรรมนัส“ เคลียร์ปม ที่ดินส.ป.ก.เขาใหญ่ ชี้ หากเป็นพื้นที่อุทยาน “ชัยวัฒน์“ มีอำนาจถอดหมุด ปัดมีใบสั่งการเมือง
วันนี้(20 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีข้อพิพาทระหว่างกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ว่า ทาง พล.ต.อ.พัทรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติในประเด็นนี้ ซึ่งเรื่องนี้มีแนวทางที่เรียกว่าวันแมพ คือการใช้แนวเขตที่ดินของรัฐมากำหนด และก่อนหน้านี้คือการนำแผนที่มาตราส่วนเดียวกันมาปรับให้เป็นแนวเขตเดียวกัน สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นที่เขาใหญ่ รอให้เจ้ากรมแผนที่ทหาร ซึ่งขณะนี้กำลังลงพื้นที่อยู่ได้ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนที่จะมีการปักหมุดต้องมีการหารือกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของ ทส.ก่อนหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ในส่วนของ ทส. เขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีอยู่แล้ว แต่การที่หน่วยงานไหนจะเข้ามา ต้องมาคุยกันก่อน เช่นแนวระดับจังหวัด หรือคณะกรรมการปฏิรูปจังหวัด แต่ส่วนนี้เป็นเรื่องของจังหวัดตนไม่ขอก้าวล่วง และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้วต้องมาคุยกัน เพราะมีอยู่ 3 เรื่องที่ต้องทำ คือเรื่องข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และวิทยาศาสตร์ คือ การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมซึ่งเรามีอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า การที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ถอดหมุดสามารถทำได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า สิ่งใดก็ตามที่อยู่ในเขตอุทยาน หากเข้าไปบุกรุก สามารถดำเนินการได้ ซึ่งถือเป็นเหตุที่มีความละเอียดอ่อน โดยป่าสงวนจะเป็นไข่ขาว อุทยานคือไข่แดง แต่จะเข้าขอไปตรวจสอบในรายละเอียดหากนายชัยวัฒน์ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ยืนยันว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของนายชัยวัฒน์หากอยู่ในพื้นที่อุทยานก็สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ อีกทั้งอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นมรดกโลก จึงต้องไปพิสูจน์ทราบ ว่าการที่เจ้าหน้าที่ไปปักหมุดสามารถทำได้เลยหรือไม่ และต้องไปดูขั้นตอนของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จะต้องเข้ามาอย่างไร ต้องไปดูภาพรวมทั้งหมด รายการที่จะเข้าไปปักแนวเขตอะไรก็แล้วแต่ มีระเบียบรองรับอยู่แล้ว ว่าจะต้องมีกำนันผู้ใหญ่บ้าน ขั้นตอนละเอียดอยู่ และเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานที่จะหาข้อยุติในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า นายชัยวัฒน์ มีการตั้งข้อสังเกตว่าการปักหมุดบริเวณดังกล่าว มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เพราะทุกฝ่ายก็ทำตามกฎหมายของตัวเอง อยากให้รอคณะกรรมการเข้ามาดู ซึ่งเป็นเรื่องแนวเขตที่เราเห็นอยู่แล้วว่ามีปัญหา จึงจำเป็นต้องมีวันอมพขึ้นมา ในการแก้ไขแนวเขตที่ดินของรัฐ ถ้านำที่ดินของรัฐในส่วนของราชการมาดู เป็นที่ดินเกินครึ่งหนึ่งของประเทศไทย ทุกฝ่ายมีมาตรฐานที่แตกต่างกันไป ที่เราเรียกว่าโฉนดที่ดิน 1 : 4000 ก็สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้หมด และเชื่อว่าไม่น่าจะมีเรื่องการเมืองมาอยู่เบื้องหลัง ส่วนจะมีใบสั่งให้ไปปักหมุดจุดนั้นหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันแผนที่ของตัวเอง ก็ต้องนำมาตรวจสอบ อะไรผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ถูก
เมื่อถามว่า พื้นที่ที่ปักหมุดจะเตรียมแบ่งไว้ให้ประชาชนทำกินหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เนื่องจากเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรฯ แต่ยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เมื่อถามว่า คาดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกรมอุทยานหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ยืนยันว่ามีพระราชกฤษฎีกาแนวเขตอยู่ เป็นข้อกฎหมาย