ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เรื่องนี้มีดรามา!! ใครๆก็ว่าทักษิณป่วยทิพย์ แต่คนใกล้ชิดบอกกระดูกหัก กับเอ็นไหล่ขาด
ภาพที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ใส่เสื้อเขียว มีเฝือกที่คอและแขน นั่งในรถตู้จากโรงพยาบาลตำรวจ กลับไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า หลังได้รับการพักโทษเมื่อเช้าวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ทำให้มีเสียงวิพากวิจารณ์ว่า นี่ไม่ใช่ภาพของคน “ป่วยหนัก” ถึงขั้นวิกฤต จนต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด 180 วันที่ผ่านมา
ยิ่งเมื่อกลับถึงบ้านแล้วมีภาพ “ทักษิณ” นั่งรับแดดริมสระน้ำที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนสุดท้อง โพสต์โชว์ในวันเดียวกัน ยิ่งเป็นหลักฐานตอกย้ำว่าทักษิณ ไม่ได้ป่วยหนัก แต่เป็น “ป่วยทิพย์”
เมื่อบวกกับความอึมครึม ไม่ชัดเจนของ ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ ในช่วงที่ผ่านมาว่า “ทักษิณ” ป่วยเป็นโรคอะไรกันแน่ กระแสวิพากวิจารณ์ กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน ยิ่งเป็นประเด็นที่ร้อนแรง และเห็นว่า “อำนาจตุลาการ” กำลังถูกยิดเบือนท้าทายจาก “อำนาจราชทัณฑ์” ซึ่งเป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรม
ถึงขั้นที่พรรคประชาธิปัตย์ เตรียมเสนอ ร่าง แก้ไข พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ เพื่อสกัด “โรคทักษิณโมเดล” ที่จะแพร่ระบาดในกลุ่มนักโทษ “วีวีไอพี” ในอนาคต
แต่ท่ามกลางกระแส “ป่วยทิพย์” ก็มีคนออกมายืนยันว่า ทักษิณ “ป่วยจริง”!!
อย่างเช่นเมื่อเช้าวานนี้ (19 ก.พ.)ที่ “ทักษิณ” ถูดอายัดตัว ในฐานะผู้ต้องหาในคดีความผิดตาม มาตรา 112 ได้เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพบอัยการ และเซ็นรับทราบตามนัดของพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ที่แจ้งไว้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่โรงพยาบาลตำรวจ แต่เนื่องจากสำนวนคดี ม.112 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด และสอบเพิ่มเติมยังไม่เสร็จ รวมทั้ง “ทักษิณ” ได้ยื่นขอความเป็นธรรม จึงจะมีการนัดหมายให้มาพบอีกครั้ง เพื่อฟังคำสั่ง และในที่สุดก็มีความเห็นให้ปล่อยตัวทักษิณชั่วคราว
ระหว่างการแถลงข่าวของทีมโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด “ปรีชา สุดสงวน” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า จากที่ได้พูดคุยกับ “ทักษิณ” ประมาณครึ่งชั่วโมง เห็นว่า เขามีอาการป่วยขั้นวิกฤต เพราะต้องนั่งรถวีลแชร์มา เดินไม่ไหว เวลาพูดก็ไม่ค่อยมีเสียง มีการล็อกดามคอมาด้วย ดูแล้วป่วยจริง และวิกฤต ดูท่าทางแล้วมีอาการป่วยหนัก
หรืออย่าง “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการกับนายกรัฐมนตรี ที่ จ.อุดรธานี บอกว่า จากที่เห็นภาพ “ทักษิณ” ใส่เฝือกที่คอ และแขน ก็รู้สึกสงสาร เพราะที่ผ่านมา มีแต่คนเห็นภาพทักษิณ องอาจแข็งแรง พอเห็นแบบนี้ก็สงสาร แต่การกลับมาได้ในวันนี้ก็ไม่ง่าย และเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน
ส่วนอีกมุมมองที่เห็นว่า “ทักษิณ”ไม่ได้ป่วย แต่สร้างสตอรี่ ทำให้ป่วย ซึ่งความจริงแล้ว ป่วยจริง เราก็ต้องเชื่อแพทย์ เชื่อกรมราชทัณฑ์ เพราะแพทย์และราชทัณฑ์คงไม่เสี่ยง
“กระดูกหักนี่ ผมเห็นหักจริงนะ ไปทำล้อเล่น ไปทำเป็นสร้างภาพไม่ได้ และโดยตัวท่าน ท่านก็มีโรคอยู่ ผมเชื่อว่าป่วยจริง” บิ๊กทิน สรุป
ยังมี “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ พูดถึงภาพที่ออกมา ทำให้หลายคนไม่เชื่อว่า ทักษิณป่วยจริง ว่า... ไม่ป่วยจริงได้ยังไง ที่ผมถามมา บอกเป็นเรื่องของเส้นเอ็นไหล่ขาด ผมก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เคยอยู่ในสภาวะนี้ คนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ใช้ชีวิตอยู่มานาน จะมีเส้นเอ็นที่ขาด อย่างของผมก็ขาด ต้องผ่าตัด มันยุ่ยไปหมด ต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาล และห้อยแขน 6-7 เดือนกว่าจะคืนมาได้
...คนเจ็บป่วย ให้กำลังใจเขาบ้างเถอะ อย่าไปมองแต่เขาจะสร้างภาพ ถ้ายังวัยสัก 10 ปี แล้วมาห้อยแขน ใส่เฝือกต้นคอ อาจจะบอกได้ว่ามันผิดปกติ แต่นี่คนอายุ 70 ปีแล้วนะ ...
เป็นอันว่าตอนนี้รู้แล้วว่า อย่างน้อยๆ ทักษิณ มีปัญหาสุขภาพ สองอย่าง คือ กระดูกหัก กับเอ็นไหล่ขาด
**มิสยูนิเวิร์สเดือดนอกเวที "ป้าพอลล่า" เตรียมฟ้อง "แอน-จักรพงษ์" หลังถูกแฉจุกๆ
กลายเป็นศึกสนั่นจักรวาล เมื่อ“ป้าพอลล่า” “พอลล่า ชูการ์ต” ส่งสารผ่านไอจีว่า จะฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ “แอน” จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ซีอีโอ บริษัท เจเคเอ็นโกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ซึ่งป้าพอลล่า อ้างว่าเจ้าแม่เจเคเอ็นของไทย กล่าวหาตัวเองว่าฉ้อโกง และรับอามิสสินจ้าง เพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมทั้งขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด
ถามว่า “พอลล่า ชูการ์ต” เป็นใคร? ก็ต้องบอกว่า เป็นอดีตประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส (MUO) ผู้จัดการกองประกวดคร่ำหวอดในวงการนางงามมานานกว่า 25 ปี
“พอลล่า ชูการ์ต” เคลื่อนไหวครั้งนี้แน่นอนว่า ด้วยแรงแค้นที่ “แอน” เคยโพสต์แฉ“ไล่ออก”จากองค์กรเพื่อทำความสะอาดบ้าน สร้างความเจริญให้จักรวาล ตามด้วยการฟาดว่า ป้าทำงานคนเดียวมาจะแกงใครก็ได้ จะบนโต๊ะ ใต้โต๊ะที่ไหนก็ได้ "พอมีเจ้าของตัวจริงมา ซึ่งเป็นผู้หญิงข้ามเพศจากประเทศที่คุณมองว่ากำลังพัฒนา มันทำใจยากที่จะเรียกเจ้าของคนใหม่ว่า เจ้านาย"
“ป้าพอลล่า” โพสต์ภาพและข้อความภาษาไทย ผ่านอินสตาแกรม @realpaulashugart ของตนเอง ในทำนองว่า ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานมิสยูนิเวิร์ส เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2566 โดยเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงภายในมิสยูนิเวิร์ส พร้อมยังยินดีที่จะช่วยเหลือทางองค์กร
ที่ต้องออกมาแถลงในครั้งนี้ เพราะทางเจ้าขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส “แอน” จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ได้กล่าวหาด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
ข้อกล่าวหาที่ว่า ฉ้อโกง และรับอามิสสินจ้างเพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สแต่ละปีนั้น ป้าพอลล่ามองว่า คำกล่าวไม่ใช่เพียงแต่เป็นการหมิ่นประมาทในตัวเธอเท่านั้น แต่ยังเป็นการลดทอนคุณค่าของผู้หญิงทุกคนที่ได้ครองมงกุฎมิสยูนิเวิร์สที่ผ่านมาทั้งหมด ว่า พวกเธอนั้นเป็นมิสยูนิเวิร์ส ที่ซื้อตำแหน่งมาโดยไม่ได้เข้าสู่ระบบของการประกวดอย่างเป็นธรรม
สรุปว่า “พอลล่า” ไม่สามารถยอมรับคำกล่าวหาที่รุนแรงอย่างไร้การยั้งคิดเยี่ยงนี้ได้ เพราะการกระทำเช่นนี้เป็นการดูถูกความเป็นมิสยูนิเวิร์ส และผู้ที่ได้รับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สทั้งหมด
ดังนั้น เธอจึงเตรียมดำเนินการทางกฎหมายในประเทศไทย ถึงแม้ว่าการดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้ จะเป็นเพียงแค่หนึ่งคดีของการฟ้องร้องจากหลายหลายคดี ที่ผู้บริหารสูงสุดของบริษัท JKN กำลังเผชิญอยู่ก็ตาม แต่การออกมาประกาศความจริง และประณามต่อข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการปกป้องมิสยูนิเวิร์ส และชื่อเสียงขององค์กร ก่อนที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมในราชอาณาจักรไทยต่อไป และขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด
งานนี้ “ป้าพอลล่า” ยังออกตัวไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปร่วมดรามาในสื่อโซเชียล ทุกคนที่รู้จักเธอดีย่อมรู้ความจริงทั้งหมด และสิ่งที่ยืนหยัดอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ขอให้ประสบการณ์ทั้งหมดที่ทำงานร่วมกับผู้หญิงที่น่าชื่นชมทั่วโลกเหล่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนและเนื้อแท้ในตัวเอง
นี่เป็นข้อความจากอีกฝ่ายที่เคยยืนหนึ่งในองค์กร “มิสยูนิเวิร์ส”มาช้านาน ขณะที่ “แอน-จักรพงษ์” เทคโอเวอร์มิสยูนิเวิร์ส มาบริหารจัดการใหม่ แต่ก็มีข่าวว่ากำลังเสนอขายให้กับ ราอูล โรชา (Raul Rocha) มหาเศรษฐีชาวเม็กซิกัน จะเคลื่อนไหวอะไรตอบโต้อย่างไร งานนี้ต้องติดตามกันต่อไป