“ศิริกัญญา” ซัดรัฐบาล ตั้งอนุกรรมการศึกษาดิจิทัลวอลเล็ต เหมือนวนไปจุดเริ่มต้น พายเรือในอ่าง พร้อมร้องเพลง “รอ” ของ “สุเทพ วงศ์คำแหง” สะท้อนความรู้สึกประชาชน ไม่รู้จะได้รับเงินเมื่อไหร่ ชี้ ความเป็นไปได้เริ่มริบหรี่ แต่ยังเตะถ่วง แนะรีบเคาะ มูฟออนไปทำอย่างอื่น
วันนี้ (16 ก.พ.) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการตั้งอนุกรรมการศึกษาเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเพิ่ม ดูเหมือนไม่เกินความคาดหมายใช่หรือไม่ ว่า ใช่ อย่างที่ได้คุยกับสื่อมวลชนไปก่อนหน้านี้ วันที่ 15 ก.พ. ที่บอร์ดชุดใหญ่จะประชุมกันคงจะไม่ได้มีความคืบหน้า เพราะเราได้สัญญาณมาจากตอนที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตัวรายงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยังไม่ได้เข้า ครม.เลย ดังนั้น ทุกอย่างคงจะดีเลย์ไปอีก ซึ่งขณะนี้ทางพรรคและตนได้แต่ภาวนาแทนแล้วว่าจะได้ทำหรือไม่ ซึ่งใจก็อยากให้มีการตัดสินใจอย่างเร่งด่วน เพราะยิ่งยื้อออกไปเรื่อยๆ เช่นนี้ ก็จะกลายเป็นต้นทุนในการเสียโอกาส หากเราจะใช้เวลาในช่วงนี้ทำมาตรการอะไรบางอย่างเพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ดีขึ้นอย่างที่รัฐบาลเป็นกังวลอยู่ว่าอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจ แต่การกระทำกลับย้อนแย้งกันว่ายังไม่ทำอะไรซักที ซึ่งเราก็รอจนกว่าที่จะ ที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะผ่านอย่างเดียว ซึ่งก็ยังไม่มีมาตรการอื่นๆออกมาระหว่างนี้ เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเลย
เมื่อถามว่า ดูเหมือนเป็นการนับหนึ่งใหม่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จากการแถลงของนายกฯ เมื่อวาน (15 ก.พ.) เหมือนการย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นไปที่ศูนย์ เหมือนกับนับหนึ่งใหม่ กลับกลายเป็นว่าไม่ได้มีความแน่ชัดแล้วว่าจะออกเป็นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินหรือไม่ หรือจะเปลี่ยนไปใช้แหล่งเงินอื่น เรื่องของกลุ่มเป้าหมายก็กลายเป็นว่า เมื่อวานนี้ นายกฯ ก็หวั่นไหวอีกแล้ว และมีการสอบถามกลับมาว่าสรุปแล้วกลุ่มเปราะบางคือกลุ่มไหนกันแน่ ซึ่งเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก หากได้รับความเห็นอื่นๆ เข้ามาอีก แบบนี้ตนคิดว่าเป็นการพายเรือในอ่างแล้วมันไม่จบสักที ฉะนั้น ตนอยากเห็นความหนักแน่นเด็ดขาดว่า สรุปแล้วจะเอาอย่างไร เพราะบางครั้งต้องมีการฟันธง ทุบโต๊ะ เพราะความเห็นหลายเรื่อง สามารถรับฟังได้ แต่ถ้านโยบายเราคิดมาดีแล้วจริงๆ จะมีคำตอบกับทุกสิ่งว่า ทำไมเราถึงต้องทำแบบนี้ ทำไมจึงต้องเป็นการกู้ ทำไปจึงต้องให้กลุ่มนี้ และทำไมจึงต้องเป็นเม็ดเงินเท่านี้ ซึ่งต้องสามารถตอบได้อย่างชัดเจน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าใครพูดอย่างหนึ่งก็กลับมาเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา ตนเข้าใจดีว่าข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. สำหรับหลายๆ คนคงเป็นเรื่องใหญ่
“แต่ดิฉันยังคงยืนยันให้กำลังใจรัฐบาลในเรื่องนี้ ว่า ความเห็นของ ป.ป.ช. เป็นเพียงแค่ข้อเสนอแนะ และอำนาจ ก็ครอบคลุมในเรื่องของการที่จะเสี่ยงในเรื่องของการป้องกันการทุจริตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น จึงขอให้รัฐบาลหนักแน่น เด็ดขาดในเรื่องนี้ จะทำหรือไม่ทำก็สามารถตัดสินใจได้เลย ไม่ต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่เช่นนี้ ดิฉันคิดว่าประชาชนที่รออยู่ หรือรอว่าจะมีมาตรการอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นมาแล้ว เขาก็ได้แต่รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
เมื่อทำถึงกรณีที่มีการมีการระบุว่ามีเอกสารลับที่เมื่อวานบางคนเพิ่งเห็นในที่ประชุมบอร์ด อยากให้เรียกร้องมีการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ดี จริงๆแล้วตัวรายงานของ ป.ป.ช. ไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการเลย ที่เราได้เห็น ก็ได้เห็นแต่ตัวร่าง ที่เป็นเหมือนร่างหลุด แต่เอกสารในการแถลงข่าวของ ป.ป.ช. กลับไปตรงกับ 8 ข้อ ที่อยู่ในร่างที่เคยหลุดมา และเมื่อวานนี้คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลเป็นประธาน ก็ได้มีการ เรียก ป.ป.ช. เข้ามาชี้แจงเกี่ยวกับตัวร่างรายงานนี้เช่นกัน แต่ทางกมธ. ก็ไม่ได้ตัวรายงานรายงานเช่นเดียวกัน ตนคิดว่าต้องรอให้เข้าครม. ก่อน แล้วยกเลิกความเป็นความลับ แล้วเราคงได้ดูตัวรายงาน
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการต่างๆ สุดท้ายแล้วอาจจะไม่ได้มีการดำเนินการโครงการนี้ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตอนนี้ความเป็นไปได้เริ่มริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้เหมือนทำอยู่แค่การเตะถ่วงไปเรื่อยๆ เราอยากให้เกิดความชัดเจนว่าตกลงจะทำหรือไม่ทำ ซึ่งจากผลสำรวจของนิด้าโพลก็บอกแล้วว่า หากไม่ได้ทำประชาชนไม่ได้โกรธ แต่เราอยากได้ความชัดเจนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น ประชาชนที่รอเรื่องของมาตรการที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ นักลงทุน หรืออื่นๆ ก็รอให้เกิดการตัดสินใจที่แน่นอน เขาจะได้มูฟออนไปทำอย่างอื่น เมื่อเป็นแบบนี้ก็ชะงักงันไปกันหมดทั้งระบบเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง น.ส.ศิริกัญญา สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ได้ร้องเพลงรอ ของสุเทพ วงศ์กำแหง ท่อนหนึ่งว่า “รอแล้วรอแล้ว รอไม่สิ้น รอจนใกล้ดับ ถมทับแผ่นดิน แผ่นฟ้า”