ข่าวปนคน คนปนข่าว
**โผโยกย้าย “บิ๊กคลองหลอด” นอกฤดู เกมซ่อนกล “ค่ายเซราะกราว” กรุยทาง “เด็กในบ้านชิดชอบ” ขึ้นปลัดมท. ยื้อยึดคืนที่ “เขากระโดง” ชี้เป็นชี้ตาย “ตระกูลชิดชอบ” แบบไม่บังเอิญ
ค้างเติ่งต้องไปลุ้นประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบหน้า วันที่ 20 ก.พ.67 อีกที
โผโยกย้ายข้าราชการระดับสูง “นอกฤดูกาล” ของกระทรวงมหาดไทย ที่ “สิงห์หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ดันเข้าที่ประชุม ครม.งวดก่อนไม่สำเร็จ
เพราะวันเดียวกัน “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพิ่งดำริห้ามเสนอ“วาระจร”เข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกต่อไป ทุกวาระต้องเสนอเข้าเป็นวาระปกติ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีเวลาพิจารณาอย่างรอบคอบ
โดย “สิงห์หนู” ชี้แจงว่า ที่ต้องเสนอโผโยกย้ายนอกฤดูกาล เพราะมีตำแหน่งว่างลง ทั้ง อธิบดีกรมที่ดิน ที่ลาออกไป และผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่เสียชีวิต
แต่ดูจะฟังออกไปทางเป็น “ข้ออ้าง” ซะมากกว่า
เพราะในโผที่แพร่สะพัดออกมา มีคิวสอดไส้เด้ง “อธิบดีติ๊ก” ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ไปเป็นผู้ว่าฯนครราชสีมา รวมอยู่ด้วย
ในวงการถือเป็นการ “ลดชั้น” แม้อธิบดี-ผู้ว่าฯ จะเป็น “ซี 10” เหมือนกัน แต่รู้กันดีว่า เป็น ซี10 คนละเกรด แม้ “โคราช” จะถือเป็นจังหวัดเกรดเอก็ตาม
ข่าวว่า เหตุที่ “บิ๊กติ๊ก” ถูกโยกพ้นอธิบดี “ลดชั้น” กลับไปเป็น“ผู้ว่าฯติ๊ก” อีกครั้ง หลังเติบโตพรวดพราดในยุค “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่เป็น รมว.มหาดไทย กว่า 9 ปี ก็เพราะผลงานไม่เข้าตา “บิ๊กเก่ง” สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่เคยเป็นอธิบดีกรมพัฒนาชุมชนมาก่อน
ใครจะว่าจริงๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่ “พี่เก่ง-น้องติ๊ก” เป็น “สิงห์ดำ” รัฐศาสตร์ จุฬาฯ เหมือนกัน โยกย้ายหนนี้ที่ต้องเสนอโดยปลัดกระทรวงเป็นเรื่องพี่น้องเข้าใจกัน บอกเลยว่าคิดผิด!!
ด้วยกระทรวงมหาดไทยวันนี้ “สิงห์ดำ” ผงาดเต็มกระทรวง น้องเลิฟของ “พี่เก่ง” ก็มีไม่น้อย แต่จำนวนนั้นไม่มีชื่อ “น้องติ๊ก“ และหากไล่สายจริงๆ แล้ว “ชัยวัฒน์” ถือเป็นน้องเลิฟของ “พี่ฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดสิงห์ดำคนก่อน ที่เคยขัดแข้งขัดขากับ “บิ๊กเก่ง” มาก่อนมากกว่า
จะว่าไป หากไปโฟกัสเรื่องการลดชั้น “ชัยวัฒน์” โยงกับความขัดแย้งกับ “สุทธิพงษ์“ ที่เป็นแค่ “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของโผมหาดไทยงวดนี้ อาจจะหลงเหลี่ยม ไม่รู้ทัน “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย ที่เล่มเกมซ่อนกลในโผนี้ด้วย
มองผิวเผิน การโยก “ชัยวัฒน์” พ้นอธิบดี กลายเป็นเรื่อง “วิน-วิน” ระหว่าง “ปลัดเก่ง” กับ “ค่ายเซราะกราว” เพราะถือเป็นการตัด “ชัยวัฒน์” ที่คุณสมบัติครบ เกษียณปี 2570 ออกจากแคนดิเดตที่จะลุ้นนั่ง “ปลัดมหาดไทย” ต่อจาก“ปลัดเก่ง” ช่วงปลายปีนี้ไปได้คนหนึ่ง ด้วยถูกลดชั้นไปเป็นผู้ว่าฯ ยากที่จะไต่กลับขึ้น “เบอร์ 1 คลองหลอด” งวดนี้
โดย “เต็งจ๋า” มีชื่อ “อธิบดีอ๊อด” ขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เกษียณปี 2568 ที่ไม่เพียงเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสิงห์ดำกับ “ปลัดเก่ง” ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่น วปอ. กับ “สิงห์หนู-อนุทิน” อีกด้วย กลายเป็นสองแรงส่งที่จะส่ง “ขจร” ขึ้นเก้าอี้ปลัดปลายปีนี้
ทว่า “ชาวคลองหลอด” ก็มองถ้าจะดัน “ขจร” ขึ้นเป็นปลัดฯ ก็ไม่จำเป็นต้องเขี่ย “ชัยวัฒน์” ที่ถูกมองว่าเป็น “เต็ง 2” พ้นทาง จึงมีการมองข้ามช็อตว่า อาจมีแผนการแยบยลกว่านั้น
ด้วย “เต็ง 3” อย่าง “อธิบดีป๊อป” อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง เหลืออายุราชการอีกหลายปี ถึงปี 2574 นู่น ต้องรอโอกาสที่เหมาะสมต่อไป
ทำให้ชื่อของ “เต็ง 4” อย่าง ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ที่เพิ่งมาขึ้นชื่ออธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เมื่อเดือน ต.ค.66 ที่ผ่านมา ดูน่าสนใจขึ้นมา
ด้วยรู้กันว่า “ไชยวัฒน์” ที่พื้นเพเป็น “คนเซราะกราว” จ.บุรีรัมย์ เป็นสายตรง “บ้านใหญ่ศิลาชัย” ของ“ตระกูลชิดชอบ” เส้นทางชีวิตราชการก็เติบโตมาใน จ.บุรีรัมย์ ครั้งขึ้นอธิบดีปภ. ก็ด้วยแรงผลักดันของ “สิงห์เน” เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ที่ใครก็รู้ว่าเป็น ตัวจริง-เสียงจริง ของทั้งพรรคภูมิใจไทย และกระทรวงมหาดไทยยุคนี้
หากจะนับ “ไชยวัฒน์” เป็น “ลูกหม้อชิดชอบ” ก็คงไม่ผิด
ดังนั้นหาก “น้าเน” รวมถึง “โอ๋ นมเย็น” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และเคยเป็นอดีตเลขานุการ มท.1 จะดันเด็กในบ้านที่ไว้ใจได้อย่าง “ไชยวัฒน์” ที่จะเกษียณปี 2568 ขึ้นเป็นปลัด เพื่อกุมอำนาจเบ็ดเสร็จในกระทรวงมหาดไทย ก็ชื่อว่า “สิงห์หนู-อนุทิน” ก็คงขัดไม่ได้
ต้องไม่ลืมว่า ยามนี้ “ตระกูลชิดชอบ” มีเดิมพันสูงปรี๊ด ถึงขั้นอาจต้องปิดฉากอนาคตการเมือง ด้วย “ศักดิ์สยาม” ที่ต้องคดีปกปิดทรัพย์สิน ตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และยังมีอาฟเตอร์ช็อก รอสั่นประสาท ทั้งคดีอาญา คดีฮั้วประมูล เรื่อยไปจนถึงเงินบริจาคพรรค ที่อาจยาวไปถึงขั้นยุบพรรคภูมิใจไทย
กระทรวงมหาดไทย ไม่เพียงสำคัญกับการสร้างฐานการเมืองของพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ยังถือ “กล่องดวงใจ” ของตระกูลชิดชอบ อยู่ด้วย กับกรณีพิพาทคดีที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่มี “อาณาจักรชิดชอบ” ตั้งอยู่
โดยขั้นตอนหลังจบกระบวนการชั้นศาลปกครองกลางแล้ว “กรมที่ดิน” อยู่ระหว่างการคณะกรรมการถอนโฉนด ทับที่ดินรถไฟ “เขากระโดง” ราว 5 พันไร่ ตามคำสั่งศาล อันน่าจะเป็นสาเหตุทำให้ “ชยาวุธ จันทร” ตัดสินใจลาออกจากราชการในตำแหน่ง อธิบดีกรมที่ดิน ก่อนเกษียณอายุราชการ 1 ปี
และเป็นที่มาที่ไปของการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงนอกฤดูกาลของกระทรวงมหาดไทยครั้งนี้ ก่อนที่จะมีเหตุผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์เสียชีวิตเสริมเข้ามา
โดยโผโยกย้ายรอบนี้มีชื่อ “พรพจน์ เพ็ญพาส” รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ขณะนี้รักษาการในตำแหน่ง อธิบดีกรมที่ดิน จะมานั่งเป็นอธิบดีกรมที่ดินเต็มตัว
เชื่อว่า “เซียนเหยียบเมฆ” อย่าง “เนวิน” คงไม่คิดแค่คุมเพียง กรมที่ดิน แต่จำเป็นต้องวางเส้นสายกุมอำนาจใน กระทรวงมหาดไทย ให้เบ็ดเสร็จ หากหวังจะยื้อกระบวนการยึดคืนที่เขากระโดงให้นานที่สุด
จะเห็นได้ว่า โผโยกย้ายนอกฤดูกาลที่ “อนุทิน” เจ้ากระทรวงคลองหลอด ทำเสียงแข็งว่าไม่มีอะไร ลึกซึ้งกว่าที่คิด
เป็นความลึกซึ้งที่โยงใยไปถึงอนาคตของ “ตระกูลชิดชอบ” อย่างไม่บังเอิญ
**พ่อไฮโซฉาว “เสี่ยโต”อภิชัย เตชะอุบล ไม่ตรงปก! ภาพลักษณ์สายเปย์ ของจริงตังเมเรียกพี่
จากข่าวฉาวกรณีเซเลปสาวแจ้งความถูก "ลูกนักการเมืองใหญ่" กระทำการล่อลวงหลอกขืนใจ ทำร้ายร่างกายและจิตใจ ขณะที่คนเป็นพ่อออกโรงปกป้องลูกชาย ด้วยการสวนกลับอีกฝ่ายด้อยค่า เพื่อหวัง “แบล็กเมล์”
คดีจะเป็นอย่างไรก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง... แต่นาทีนี้สปอตไลต์ทุกสายตาจับมาที่ผู้เป็นบิดา “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล นักธุรกิจ-นักการเมืองชื่อดัง กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
“เสี่ยโต” เป็นนักธุรกิจอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเมือง และกระโจนลงมาเล่นด้วยตัวเองพร้อมกับภาพลักษณ์ “เสี่ยใหญ่”
ว่ากันว่า เสี่ยโต-อภิชัย ร่ำรวยจากธุรกิจหลายอย่าง เช่น อุตสาหกรรม , อสังหาริมทรัพย์ และ ธุรกิจด้านอาหาร ที่หลายคนเคยเป็นลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น “ร้านฮอทพอท” ร้านปิ้งย่างไดโดมอน ตลอดจนการเป็นเจ้าของร้านอาหารหรูชื่อดัง ทั้งจีนและอิตาเลี่ยน หลายแห่ง
พรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นจุดเริ่มบนเส้นทางการเมืองของ “เสี่ยโต” ก่อนที่จะย้ายเข้าพลังประชารัฐ ของ “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “อภิชัย” จะสนิทสนมคลุกคลีกับ นักการเมืองสาย “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ซึ่ง “จุติ ไกรฤกษ์”เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด
แม้อภิชัยจะมาพร้อมภาพร่ำรวยมีฐานะ แต่บทบาทในช่วงแรกๆ หรือช่วงเลือกตั้งปี2554 ของเสี่ยโตกับพรรคเก่าแก่ไม่ได้มีความสำคัญนัก เพราะ “ไม่พร้อมเปย์” เลยส่งผลต่ออันดับปาร์ตี้ลิสต์ ไปอยู่อันดับท้ายๆ
จนเมื่อ “อภิชัย” ต้องการมีตัวตนทางการเมือง บวกกับช่วง “จุติ” เป็น เลขาธิการพรรค ตอนเลือกตั้งปี 2562 พรรคต้องหาทุนเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง อภิชัย จึงถูกดันขึ้นมามีบทบาทในพรรคมากขึ้น ได้เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่ออันดับ 18 ของพรรค และ ได้เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ดี มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า พรรคปชป.ได้เงินทุนจากอภิชัย ไม่เหมือนราคาที่คุยไว้! ทำนองตกลงกันจะจ่ายเยอะเอาจริงกลับจ่ายน้อยกว่าน้อยเสียอีก
ว่ากันว่า หลังเลือกตั้งปี 2562 ที่มีการเปลี่ยนขั้วอำนาจในประชาธิปัตย์ โดย “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับนำประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ นักการเมืองสายอภิสิทธิ์ถูกลดบทบาท แต่กลุ่มจุรินทร์ ก็ยังให้บทบาท อภิชัย เป็นเหรัญญิกพรรค เพื่อให้เข้ามาดูแลเรื่องการเงิน ซึ่งลึกๆ ก็ยังหวังให้ “เสี่ยโต” เป็นนายทุนใหญ่ให้พรรค
ทว่า คำร่ำลือว่า “เสี่ยโต” สายเปย์ ไม่ตรงปกที่ระแคะระคายก่อนหน้า ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เวลาผ่านไป ปรากฏว่า อภิชัย ไม่ได้เป็นนายทุนใหญ่ให้พรรคอย่างที่ฝ่ายจุรินทร์ คิด มิหนำซ้ำ อภิชัย ยังเป็นแกนนำในมุ้งพรรคที่ร่วมวางแผนกับมุ้งอื่นๆ อย่าง “นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ” หรือ “อันวาร์ สาและ” โค่น จุรินทร์ ลงจากหัวหน้าพรรค โดยมีเป้าหมายที่ต้องการเป็นรัฐมนตรี หากมีการเปลี่ยนแปลงภายในพรรค
ช่วงนั้นข่าวว่าฝ่ายจุรินทร์ได้ล้วงลับ จับไต๋ ได้ว่า กลุ่มก่อการนัดวางแผนเคลื่อนไหวกันหลายครั้งที่เซฟเฮ้าส์ของ “อภิชัย” ตรงซอยมหาดเล็กหลวง ย่านถนนราชดำริ รวมถึงกลางร้านอาหารอิตาเลี่ยน ของเสี่ยโตเอง จนมีข่าวหลุดออกมาให้กลุ่มจุรินทร์ รู้ตัวเสียก่อนจึงคิดอ่านแก้เกมสกัดเอาไว้ได้
เมื่อแผนล้มเหลว “อภิชัย” ก็รู้ตัวแล้วว่าอยู่ประชาธิปัตย์ต่อไปไม่ได้เลยเริ่มวิ่งเข้า “ป่ารอยต่อ”ของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จนได้เข้าไปเป็นแขกวีไอพี และ ในที่สุด อภิชัย ลาออกจากส.ส.ประชาธิปัตย์และเหรัญญิกพรรค ไปอยู่กับพลังประชารัฐ
ว่ากันว่า ตอนนั้น “ลุงป้อม” เห็น “เสี่ยโต” อภิชัย ก็ไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าจะได้นายทุนเข้ามาช่วยเป็นถุงเงินให้พรรคด้วย เลยให้บทบาทแรกเป็น ผอ.เลือกตั้งส.ก. ของพปชร.เมื่อปี 2564 แต่ปรากฏ พ่ายแพ้ย่อยยับส่งไป 50 คน ได้มาแค่ 2 คน
พอมาถึงเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา “ลุงป้อม”ให้อภิชัยเป็นผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับที่ 12 พร้อมกับสัญญาใจ ให้เป็นรัฐมนตรี หากมีโควตาให้ แต่เมื่อ “นิพิฏฐ์” ที่ อภิชัย ดึงให้มาอยู่พลังประชารัฐ ตัว นิพิฏฐ์ ที่เดิมอยู่อันดับที่ 18 อยากเข้าไปเป็นส.ส. มาขอสลับอันดับกัน เสี่ยโต ที่อยากเป็นรัฐมนตรีมากกว่า ก็เปิดทางให้
ผลการเลือกตั้งออกมา ทั้ง อภิชัย และ นิพิฎฐ์ สอบตกทั้งคู่ เป็นได้แค่ ส.ส.ทิพย์ และรัฐมนตรีทิพย์ ท่ามกลางเสียงนกเสียงกาภายในพรรคไล่หลัง หลังจากเช็กบิลผิดพลาดตรงไหน ท่อน้ำเลี้ยงเส้นไหนอุดตัน ก็ปรากฏ ว่า “ลุงป้อม”เจอพิษ “เสี่ยโต” ไม่ตรงปกตามคำร่ำลือ ซ้ำรอยเหมือนสมัยอยู่ปชป.อีกแว้ว
นี่เป็นเรื่องราวของนักการเมืองใหญ่ชื่อดังที่ ภาพลักษณ์สายเปย์ ของจริงตังเมเรียกพี่!