กมธ.สาธารณสุขฯ วอนพ่อแม่เข้าใจช่องว่างความรักระหว่างวัยในครอบครัว แนะ 3 ข้อสร้างครอบครัวอบอุ่น “เข้าใจ-อย่าเปรียบเทียบ-อย่าออกคำสั่ง” ด้าน “สส.“หนุน สสส.รณรงค์สื่อสาร 3 ทางสร้างสรรค์ เชิงบวกที่ไม่ทำลายตัวตนและความภาคภูมิใจของลูก
วันนี้( 14 ก.พ.2567 ) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยโครงการสื่อสารนโยบายสาธารณะเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ภายใต้ สสส. ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมจัดกิจกรรมสื่อสารรณรงค์ “3 วิธีสื่อสาร 3 คำพูดต้องห้าม…ของขวัญวาเลนไทน์ลูก” เพื่อสื่อสารรณรงค์ให้บุคลากรภายในอาคารรัฐสภา ได้มีการสื่อสารแสดงความรักต่อลูกหลานและเยาวชนในปกครองอย่างเหมาะสมและพอดี มีทัศคติการสื่อสารเชิงบวกระหว่างกันภายในครอบครัว พร้อมเชิญชวนให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมารับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น มีการแสดงความรักต่อบุตรหลานและคนในครอบครัวด้วยความเข้าใจ พร้อมกันนี้ได้ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตอบแบบประเมินความคิดเห็นในการแสดงความรักต่อบุคคลในครอบครัวเนื่องในวันแห่งความรัก
สำหรับ3 สาเหตุของปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับพ่อแม่อย่างไม่รู้ตัวก็คือ 1.การเปรียบเทียบลูกของตนเองกับเด็กคนอื่น 2.เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็จะตำหนิ หรือออกคำสั่งด้วยถ้อยคำประชด บางครั้งอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ 3.เพียงเพราะคาดหวัง อยากกระตุ้นให้ลูกเป็นเช่นนั้นบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าพฤติกรรมแบบนั้นส่งผลกระทบในแง่ร้ายกับลูกมากกว่าที่คิด
โดยเฉพาะความคาดหวัง หรือความปรารถนาดีต่างๆ อาจกลับกลายเป็นฝันร้ายสำหรับลูกโดยไม่คาดคิดการใช้ถ้อยคำในเชิงลบ หรือประชดเพื่อเปรียบเทียบลูกกับคนอื่นไม่ต่างอะไรกับการ บูลลี่ ก่อให้เกิดเป็นปมในใจ สูญเสียความมั่นใจ ความเคารพในตนเองลดน้อยลง กลายเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าเข้าสังคม จนนำไปสู่ปัญหาทางสภาพจิตใจที่ร้ายแรงได้ในอนาคต ทางที่ดีควรเลิกเปรียบเทียบ เลิกคาดหวัง เลิกตำหนิ เลิกออกคำสั่งกับลูก เพราะการที่พ่อแม่ทำพฤติกรรมเช่นนี้จนเคยชินจะทำให้ลูกกลัวที่จะริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆอยู่ภายใต้ความกดดันตลอดเวลา ลองหันมาใช้ 3 วิธีการสื่อสารเชิงบวกที่ไม่ทำลายตัวตนและความภาคภูมิใจของลูกโดย 1.เปิดพื้นที่ให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง ปล่อยให้ลูกได้เล่น ทำกิจกรรมแสดงออกอย่างที่เขาเป็น 2.อยู่เคียงข้างเมื่อเขาเจอปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการถูกกลั่นแกล้ง ล้อเลียน พ่อแม่ต้องพร้อมรับฟังให้คำปรึกษาด้วยหลักเหตุผลและ 3.พร้อมสนับสนุนสิ่งที่ลูกเป็นหรือแสดงออก พูดชื่นชม ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เพื่อส่งเสริมความมั่นใจในตัวเองของลูกให้มากขึ้น
ทั้งนี้นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เด็กและเยาวชนสมัยนี้ต่างไปจากเด็กสมัยก่อนอยู่มาก ซึ่งเยาวชนสมัยนี้ทุกรู้เรื่อง ทั้งความรัก หรือเรื่องต่างๆก็รู้เหมือนกับผู้ใหญ่ เพียงแต่เด็กจะยังขาดสติ ขาดประสบการณ์ที่จะยับยั้งชั่งใจ ดังนั้นพ่อแม่หรือผู้ปกครองก็ต้องทำความเข้าใจ คอยแนะนำเรื่องการมีความสัมพันธ์กับใครควรปฏิบัติอย่างไรให้เหมาะสมกับวัย รวมทั้งสุขภาวะทางจิตใจก็ถือว่าสำคัญมาก เพราะสมัยนี้โซเชียลมีเดียและการสื่อสารทั้งหลายทุกเพศทุกวัยเข้าถึงหมด ทำให้เด็กรับข้อมูลมาจากหลายด้าน เพราะฉะนั้นบางทีเด็กอาจไม่ฟังพ่อแม่ที่มีประสบการณ์มาก
ขณะที่โลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจและถนอมความรักระหว่างพ่อแม่กับเด็กดีๆ ต้องใจเย็นกับเขา ต้องช่วยกันแนะนำประคับประครองให้เขาผ่านไปให้ได้ ต้องไม่เอาประสบการณ์ของตัวเองมาตัดสินเด็กเด็ดขาด โดยเฉพาะการสื่อสารกับลูกๆควรเข้าใจวัยของเขา ไม่ควรเอาลูกตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เพราะเด็กแต่ละคนมีวิถีการเติบโตมาไม่เหมือนกัน
นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าในวันวาเลนไทน์ถือว่าเป็นวันสำคัญทางด้านจิตใจ การแสดงความรักที่แท้จริงควรแสดงกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก หรือลูกกับพ่อแม่ หรือระหว่างญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง ตนเข้าใจว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นเรื่องของการสำรวจใจว่าที่ผ่านมานั้นเรามีใจในความรักต่อคนในครอบครัวมากน้อยแค่ไหนอย่างไร และเห็นด้วยที่ สสส.สื่อสารรณรงค์ต่อเนื่อง ไม่ว่า การเปิดพื้นที่ให้ลูกเป็นตัวของตัวเอง และอยู่เคียงข้างเมื่อเขาเจอปัญหา ตลอดจนการสนับสนุนสิ่งที่ลูกเป็นหรือแสดงออก และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำลูกเราไปเปรียบเทียบให้เหมือนคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบให้รู้สึกดีขึ้นหรือรู้สึกด้อยค่าลง ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเปรียบเทียบลูกว่าลูกเก่งกว่าคนอื่นก็จะทำให้ลูกเกิดมีอีโก้ไปข่มเหงคนอื่นได้ หรือเปรียบเทียบด้อยค่าลูกทำไมสอบได้ที่ 1 ปมอย่างนี้กว่าจะเขาสลัดปมออกได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันเป็นปัญหาของผู้ใหญ่ที่เราจะต้องเรียนรู้และเข้าใจให้ถูกต้อง
ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สว. และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา กล่าวว่าความจริงการสื่อสารความรักระหว่างพ่อแม่กับลูกไม่จำเป็นต้องทำกันในวันวาเลนไทน์ ทุกๆวันพ่อแม่ก็ควรแสดงความรักความอบอุ่นลูกๆได้อยู่แล้ว ผู้ปกครองต้องสื่อสารกับลูกๆหลานๆตลอดเวลาเพื่อสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัว ที่ผ่านมาปัญหาสังคมครอบครัวเกิดจากไม่ค่อยสื่อสารกับลูก ซึ่งความจริงปัญหาถ้ามีก็มีได้ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเป็นวันที่พิเศษหรือวันวาเลนไทน์ ถ้าผู้ปกครองเข้าใจหลักนี้ก็จะเข้าใจได้ว่าควรสื่อสารกับลูกอย่างไรให้เกิดความรักความอบอุ่นในครอบครัวให้เหมาะสม และไม่ควรอย่างยิ่งที่เอาลูกเราไปเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น เพราะลูกแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกันได้ พร้อมเห็นด้วยที่ สสส.ออกมารณรงค์ชวนผู้ปกครองร่วมกับสร้าง HAPPY FAMILY DAY โดยไม่เรียกร้องกดดันเด็ก ไม่เปรียบเทียบลูกตัวเองกับคนอื่นนั้น