"กิตติรัตน์" ปลุกลูกหนี้ กล้าหาญลงทะเยียนแก้หนี้ ประก่าาศลั่น เจ้าหนี้โหดเก็บดอกเบี้ยท่วมเงินต้นควรจบได้แล้ว ย้ำ ผิด กม.ชัดเจน ขอบคุณ ธ.พาณิชย์ผุดคลินิคแก้หนี้ ลั่นสถาบันการเงินทุกแห่งต้องดำเนินด้วย รบ.ทำงานเต็มที่ ยอดหนี้เหลือไม่เป็น NPL
เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบ ว่า ตนเรียกร้องให้ลูกหนี้นอกระบบมีความกล้าหาญ ที่จมาลงทะเบียนในจุดรับลงทะเบียนต่างๆทั่วประเทศ หากท่านไม่มีความกล้าหาญรัฐบาลจะขาดโอกาสที่จะช่วยเหลือท่านเต็มที่ตามความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี ขอให้มั่นใจว่าการมาลงทะเบียน เป็นสิ่งยืนยันว่าจะได้รับการคุ้มครองดูแลและแก้ไข ขณะเดียวกันขอเรียกร้องให้เจ้าหนี้ ได้กรุณาเข้ามาร่วมลงทะเบียนด้วย เพราะหน้าที่ของรัฐบาลจะคุ้มครองเจ้าหนี้ด้วย
"ลูกหนี้มีหน้าที่ต้องใช้หนี้ที่ยืมมา แต่ลูกหนี้ไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กำหนด ฉะนั้นเจ้าหนี้จำนวนหนึ่ง อาจจะยังได้รับชำระหนี้ไม่ครบจำนวนเงินต้นที่มีอยู่ ท่านก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับการคุ้มครองจากกลไกดในการลงทะเบียนด้วยเช่นกัน การดำเนินการในส่วนนี้ ขอเรียนสั้นๆว่าหนี้นอกระบบที่จ่ายดอกเบี้ยจำนวนมากๆอัตราสูงๆ ท่วมเงินต้นแล้ว ควรจะถือว่าจบกันแล้ว การที่เจ้าหนี้ยังคงคิดว่าจะเรียกร้องดอกเบี้ยต่อเนื่อง ไปเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย "นายกิตติรัตน์
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ข้อมูลแล้วว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งจัดสินเชื่อสวัสดิการให้กับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ได้ทยอยลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความเสี่ยงเพราะรัฐบาลดูแลหักเงินเดือนชำระหนี้ให้ ในอัตราที่ชัดเจนคือร้อยละ 4.75 ขณะนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆได้ทยอยดำเนินการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในไม่ช้าตนเชื่อว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ทุกแห่ง จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับอัตราความเสี่ยง การดำเนินการส่วนนี้มีความสำคัญเพราะข้าราชการ เมื่อดูฐานเงินเดือนแล้ว ท่านมีสิทธิ์ที่จะมีเงินเดือนเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีพ มีประกาศของส่วนราชการหลายแห่ง ระบุว่าการหักเงินเดือน
จะต้องเหลือให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ทั้งนี้ หลายส่วนราชการกำลังดำเนินการที่จะมีประกาศในลักษณะเดียวกันตามมติคณะรัฐมนตรีหรือข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่เป็นธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินบางแห่ง ที่ได้ร่วมให้สินเชื่อสวัสดิการกับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องขอบคุณความคืบหน้าที่ได้มาดำเนินการและนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ตนมั่นใจว่าข้าราชการทั้งหมดจะมีเงินเหลือหลังจากถูกตัดชำระหนี้เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของหนี้ นอกระบบอื่นต้องขอบคุณธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง และสถาบัน การเงินหลายแห่ง ที่ให้ความร่วมมือ กับแนวทาง ในการปรับโครงสร้างหนี้ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งมีกลไกที่เรียกว่าคลินิคแก้หนี้ โดยกลไกนี้ สามารถทำให้ลูกหนี้ที่ตกอยู่ในภาวะชำระหนี้ไม่ได้ สามารถกำหนดเงินต้นที่ถูกต้องและมีการผ่อนชำระคืนในระยะสั้น ระยะปานกลาง ระยะยาว ในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน ร้อยละ 3-5 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับความจริงว่ายังมีสถาบันการเงิน และธนาคารบางแห่ง ไม่ให้ความร่วมมือในการคลินิคแก้หนี้ ซึ่งตนจะดำเนินการต่อไปเพื่อขอร้องไห้สถาบันการเงินเหล่านั้นมาให้ความร่วมมือเหมือนกับสถาบันการเงินอื่น ในส่วนการกำหนด ค่าผ่อนต่างๆให้เป็นไปตามศักยภาพ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย มีระเบียบข้อกำหนด ในเรื่องการตัดงเงินเพื่อชำระหนี้ ไม่ใช้ชำระแต่ดอกเบี้ยไปตลอด เงินบางส่วนจะต้องถูกตัดกับเงินต้นด้วย ดังนั้นการดำเนินการที่เป็นไปตามประกาศตรงนั้น เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยจากการสุ่มตัวอย่าง ยังพบว่ามีบางสถาบันดำเนินการผิดไปจากประกาศดังกล่าว จึงขอยืนยันว่าที่สุดแล้วทุกแห่งจะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันทุกภาคส่วนมีความคืบหน้า การแก้ไขบางส่วนจะเห็นจำนวนของลูกหนี้ ที่อยู่ในสถานะหนี้ที่ไม่ทำให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลลดลงอย่างชัดเจน และหนี้ที่ค้างอยู่เมื่อเทียบกับจีดีพี เป็นหนี้ที่จะถูกสามารถชำระได้โดยลูกหนี้ และไม่อยู่ในสถานะเอ็นพีแอล ขอยืนยันว่าคณะทำงานยังคงทำงานอย่างเต็มความสามารถไม่เว้นวันหยุดเพื่อทำให้ความคืบหน้าตรงนี้บรรลุเป้าหมายจนกระทั่งการแก้ไขหนี้ทั้งระบบเบ็ดเสร็จภายในระยะเวลาของรัฐบาลนายกเศรษฐาทวีสิน