"เศรษฐา" ลงพื้นที่สระบุรี ติดตามสถานการณ์น้ำในการเกษตร พร้อมรับฟังปัญหา ยันพยายามทำราคาข้าวให้สูงขึ้น -เปิดตลาดใหม่รองรับ รับปัญหาหนี้สินบั่นทอนจิตใจประชาชน
วันนี้ (9ก.พ.) เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 ก.พ. ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี� นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง สวมเสื้อโปโลสีแดง และเสื้อแจ็คเก็ตทับ ในการตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาด้านชลประทาน
โดยมี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายอรรถพล วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 2 พรรคเพื่อไทย นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ
เมื่อมาถึงนายกฯฟังสรุปการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา จาก นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน และได้ดูตารางแสดงผลประกอบการเพาะปลูกข้าว ก่อนเดินดูพื้นที่บริเวณคลองไส้ไก่ ซึ่งเป็นคลองส่งน้ำขนาดเล็กเข้าไปยังพื้นที่เกษตรกรรม นายกฯได้สอบถามการบริหารจัดการน้ำที่จัดสรรให้กับเกษตรกร ซึ่งอธิบดีกรมชลประทานได้รายงานว่า ได้จัดสรรและแบ่งพื้นที่ในการส่งน้ำให้กับเกษตรกรอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะช่วงทำนานอกฤดูกาล ทำให้ไม่มีปัญหาในการเพาะปลูก ทำให้นายกรัฐมนตรีพอใจอย่างมาก
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวกับสื่อมวลชนว่า จากการที่ได้รับฟังรายงานและบรรยายสรุปก็ถือว่าดีราคาข้าวปัจจุบันกิโลกรัมละ 11 บาท คิดเป็นตันละ 11,000 บาท ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จแล้วอยู่ที่ 5,000 บาท ทั้งนี้เกษตรกรได้ร้องขอมาว่าค่าปุ๋ยปัจจุบันแพงไปสักนิด ถ้าเป็นช่วงที่ราคาพืชผลดีก็พอไหว แต่ก็ต้องระวังในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเดี๋ยวรัฐบาลก็จะไปดูในเรื่องของราคาของปุ๋ยต่างๆ
“ เพราะฉะนั้นรายได้ที่เหลือจริงๆก็อยู่ที่ประมาณ 6,000 บาทต่อตัน ก็ถือว่าเป็นราคาที่ใช้ได้ ในฤดูกาลนี้ต่อราคาผลผลิตตันละ 11,000 บาท แต่ผมจะพยายามหาตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งทำราคาให้สูงมากยิ่งขึ้น”
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รายจ่ายที่สูงอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของค่าไฟ ซึ่งได้มอบหมายให้กรมชลประทาน ศึกษาในเรื่องของโซล่าเซลล์ ซึ่งตรงนี้ถือว่าสำคัญ ทั้งหมดก็ดีดูจากสีหน้าและดวงตาของเกษตรกร ก็มีความสุขดีจากราคาข้าวในปัจจุบันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนของน้ำในการใช้สำหรับเกษตรกรมีเพียงพอในการเพาะปลูกใช่หรือไม่ โดยเฉพาะการปลูกข้าวนอกฤดูกาล นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ได้หนหนึ่งแน่นอน เพราะราคาข้าวดีก็อยากให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่ม ตรงนี้เข้าใจได้และหน้าที่ของกรมชลฯ จากการที่ได้ฟังรายงานและดูในรายละเอียดต่างๆแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายก็เข้าใจดีและเข้าใจถึงความต้องการของเกษตรกร ทำหน้าที่ตอบสนองให้กับประชาชนได้อย่างดีมาก ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณในเรื่องนี้ด้วย
จากนั้นนายกฯได้คุยกับผู้ว่าฯและได้ชื่นชมผู้ว่าฯ โดยระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เลือกคนได้ดี เอาคนในพื้นที่มาทำงาน และขอให้ช่วยกันทำงานในแต่ละหน้าที่ของตัวเองให้ดี และรู้สึกดีที่เห็นทุกคนมีรอยยิ้ม
จากนั้นนายกฯทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ ก่อนที่จะนั่งลงพูดคุยกับประชาชนว่า ราคาข้าวต้องให้ได้กำไรอย่างน้อย 6,000 บาทต่อไร่ ให้อยู่ได้เดี๋ยวจะพยายามทำให้สูงขึ้น และขอให้เหลือการทำนาปรังปีละ 1 รอบ ตนได้พูดคุยกับกรมชลประทานแล้ว เขาก็มั่นใจ ก็ต้องขอให้ฟ้าฝนเป็นใจด้วยแล้วกันและถ้ามีปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)จะช่วยเหลือ ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจภาค 1 ก็มา เราจัดตลาดนัดอยู่แล้ว ถ้าใครจ่ายดอกเบี้ยแล้วเกินเงินต้น ให้ยกเลิกอย่ากลัว
ทั้งนี้ ประชาชนยังถามนายกฯด้วยว่า ถ้าหากเกษตรกรมีอาชีพเสริมเรื่องหนี้นอกระบบก็จะลดน้อยลง นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องหนี้เป็นตัวที่บั่นทอนชีวิตจิตใจ แต่ตนขอฝากเรื่องการเผาด้วย แต่ตยเชื่อว่าจะมีคนมารับซื้อตอข้าว ไปขายจะได้ไร่ละ 50 บาท ถือเป็นรายได้เสริมที่ดี
จากนั้นประชาชนถามอีกว่าอะไรก็ไม่ว่า ขอให้มีการทำนาปรังต่อเนื่องจากนาปี เกษตรกรจะอยู่รอด นายกฯ ตอบว่า ราคาข้าวสำคัญ ถ้าทำนา 2 หนราคาข้าวไม่ดี เหนื่อยฟรีนะ ก็ต้องพยายามเปิดตลาดใหม่ๆ เมื่อเดือนที่แล้วก็ขายให้อินโดนีเซีย 2 ล้านตันเยอะมาก ก็พยายามทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้เหนื่อยมากก็จะพยายามทำราคาข้าวให้ดีขึ้น