xs
xsm
sm
md
lg

“ดิเรกฤทธิ์” โวยรัฐบาลยื้อ ส.ว.ซักฟอกไปครึ่งหลังเดือนมีนาฯ แถมยังไม่ชัวร์ หวั่นจบสมัยประชุม-หมดวาระ หมดสิทธิอภิปราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.ว.ดิเรกฤทธิ์” ตำหนิรัฐบาลดึงเวลาอภิปรายตาม ม. 153 ไปครึ่งหลังเดือน มี.ค. แถมยังไม่ชัวร์ ถามจะเลื่อนจนหมดสมัยประชุมหรือหมดวาระ ส.ว.ใช่หรือไม่ ชี้ 7 ประเด็นประชาชนมีข้อสงสัยมากมาย ปล่อยเนิ่นนานอาจสร้างความเสียหายแก้ไขไม่ได้ เตรียมถาม “พรเพชร” ทำไมยอมให้รัฐบาลต่อรอง ถ้ารัฐบาลยังไม่มาจะเปิดอภิปรายข้างเดียว



วันนี้ (5 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลตอบรับการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ในช่วงหลังวันที่ 15 มี.ค.เป็นกรอบเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ ว่า ความเห็นส่วนตัวอยากจะตำหนิรัฐบาล เพราะการใช้สิทธิของวุฒิสภาเพื่อเปิดอภิปรายเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประชาชน เป็นการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ระบุอยู่ในมาตรา 171 ถ้าจะปฏิเสธการทำหน้าที่ของวุฒิสภา โดยเห็นว่าการทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารและทำตามนโยบายอื่นๆ สำคัญกว่าเรื่องนี้ คิดว่าน่าจะไม่ถูกต้อง เป็นการละเลยความสำคัญของการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องมาชี้แจงทั้งคณะรัฐมนตรี

“เรื่องที่เราจะเปิดอภิปรายทั้ง 7 ประเด็น นานวันเข้าข้อมูลข้อเรียกร้องข้อสงสัยมากมายของประชาชนได้เกิดขึ้น ถ้าปล่อยให้มีการดำเนินการในบางเรื่อง อาจจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างแก้ไขไม่ได้ เพราะฉะนั้นวุฒิสภาเห็นว่ามีเรื่องที่สำคัญเพียงพอที่จะเปิดอภิปราย มีความสุกงอมมากพอ และจำเป็นต้องเท่าทันกับห้วงเวลาที่จะเกิดปัญหา เรามีเหตุมีผล เรายกร่างหนังสือมาและทำตามเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญทุกประการ ดังนั้น การที่รัฐบาลจะมาตอบเราปลายเดือน มี.ค.เป็นต้นไป หรือปล่อยให้เราหมดวาระการดำรงตำแหน่งนั้น ไม่ควรกระทำ เพราะเป็นการละเลยการทำหน้าที่ที่ดีของรัฐบาลของประชาชน” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนจะมองว่าเป็นการดึงเวลาเพื่อให้กระแสเบาลงไปหรือไม่นั้น ก็เป็นเหตุผลที่ประชาชนคลางแคลงสงสัยเหมือนกัน การดึงเวลาไว้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อรัฐบาลเลย มีแต่ผลเสีย เพราะเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภา และตัวแทนของประชาชน ดังนั้น เมื่อวุฒิสภาทำหน้าที่เหล่านี้รัฐบาลต้องวางเรื่องอื่น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญ และมาตอบ แถลงข้อเท็จจริง แถลงปัญหาข้อจำกัด เพื่อหาวิธีการจัดการกับเรื่องที่รัฐบาลจะขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

เมื่อถามถึงกรอบเวลาที่ให้รัฐบาลอภิปราย นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ตามที่ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรที่ขอไป คือ 2 วัน จันทร์และอังคารในเดือน ก.พ. ซึ่งก็มีหลายสัปดาห์ ดังนั้นท่านจะต้องยินยอมพร้อมใจหาวันให้เราบรรจุลงระเบียบวาระ

“แต่ถ้าท่านละเลย หรือให้ความสำคัญกับเรื่องนี้น้อยไปหน่อย ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าตำหนิ หากท่านเห็นว่ามีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า แล้วให้เวลาเราปลาย มี.ค. ซึ่งท่านก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำ เป็นเพียงข่าวจากแกนนำของรัฐบาล ไม่ได้ให้ตามคำขอของเรา ถ้าเกิดท่านติดภารกิจอีก มันจะไปเดือน เม.ย.ใช่หรือไม่ อย่างไร ถ้าไป เม.ย. แล้วเปิดไม่ได้ ติดสมัยประชุม ก็จะถึงวิธีการที่ไม่ต้องมาอธิบายเลยใช่หรือไม่” นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ประธานวุฒิสภา ยังไม่บรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องเร่งด่วน นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ตนจะถาม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้รัฐบาลเขาต่อรองเราได้ เพราะเรากำหนดไปแล้ว หากเขาไม่มาเราก็อภิปรายข้างเดียวไปเลย หากรัฐบาลไม่มาก็ถือว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ให้ความสำคัญกับระบบรัฐสภาไม่ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องมาแถลงข้อเท็จจริง ชี้แจงข้อขัดข้องและคำถามที่วุฒิสภาแจ้งไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น