โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ ส่งเสริมศักยภาพส่งออกสินค้าปศุสัตว์ ส่งผลไทยสามารถส่งออกชิ้นส่วนเครื่องในเป็ดไปจีน คาดการณ์ว่ามีศักยภาพเพิ่มมูลค่าการส่งออกอีก 1 พันล้านบาทต่อปี
วันนี้ (4 ก.พ.) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งเสริมศักยภาพการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ที่มีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้ไทยสามารถส่งออกชิ้นส่วนจากสัตว์ปีกไปยังประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งประเภท ได้แก่ ชิ้นส่วนเครื่องในเป็ด 18 รายการ ตามข้อกำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ โดยคาดการณ์เป้าหมายเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกไปยังประเทศจีน จากชิ้นส่วนเครื่องในเป็ดเพิ่มขึ้นถึง 1 พันล้านบาทต่อปี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศจีนมีความเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน ความปลอดภัยของสินค้าปศุสัตว์ไทย โดยจากการลงนามร่วมกัน ในความตกลงเพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยหลักเกณฑ์การตรวจสอบ การกักกัน และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์ เพื่อการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งและชิ้นส่วนสัตว์ปีกไทยไปจีน ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Custom of People ‘s Republic of China : GACC) เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ได้ขยายผลเพิ่มเติมจากการลงนามในพิธีสารฉบับเดิม ที่ลงนามเมื่อปี 2561 ที่มีข้อกำหนดให้ประเทศไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1. เนื้อไก่ 2. เนื้อเป็ด และ 3. เครื่องในไก่
ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าว ได้ขยายผลให้ประเทศไทยสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจำพวกเครื่องในเป็ดได้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นที่นิยมบริโภคในประเทศจีน โดยแบ่งเป็นชิ้นส่วนเครื่องในเป็ด 18 รายการ ได้แก่ 1. ตีนเป็ด 2. ข้อปีกเป็ด 3. ปีกกลางเป็ด 4. ปลายปีกเป็ด 5. ปีกบนเป็ด 6. ตับเป็ด 7. คอเป็ด 8. กึ๋นเป็ด 9. หัวใจเป็ด 10. ไตเป็ด 11. ลิ้นเป็ด 12. หัวเป็ด 13. ปากเป็ด 14. กระดูกเป็ด 15. กระดูกอ่อนเป็ด 16. เอ็นเป็ด 17. ไขมันเป็ด และ 18. หนังเป็ด ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นที่นิยมบริโภคในจีน จึงคาดการณ์ว่า จะส่งผลให้มูลค่าส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดเพิ่มเติมถึงกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สถิติในปี 2566 ประเทศไทยได้ส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไปยังประเทศจีน รวมมูลค่าประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกประเภทเครื่องในไก่ มูลค่า 16,900 ล้านบาท สินค้าปศุสัตว์ประเภทกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง มูลค่า 1,200 ล้านบาท และกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ นม ไข่ น้ำผึ้ง รังนก มูลค่า 1,000 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีส่งเสริมศักยภาพการผลิต และส่งออกสินค้าปศุสัตว์ให้ได้คุณภาพและตรงตามมาตรฐาน ด้วยมาตรการทางด้านการผลิตและปศุสัตว์ที่เข้มงวด ซึ่งเชื่อว่า จากการลงนามดังกล่าวเพิ่มเติม จะส่งผลเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์จากสัตวปีกของประเทศไทยไปยังประเทศจีน และช่วยขยายตลาดส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยไปยังต่างประเทศ สร้างโอกาสการลงทุนและการค้า ให้เกษตรกร และเพิ่มรายได้เข้าประเทศ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า ผลของการลงนามความตกลงต่างๆผ่านการผลักดันของรัฐบาลนี้จะสำเร็จเห็นดอกผลอย่างต่อเนื่อง” นายชัย กล่าว