วันนี้(31 ม.ค.)นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดการสาธิตการใช้งานรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบร่วมกับการสื่อสารด้วยโมบายแอปพลิเคชั่นด้วยเทคโนโลยี 5G คันแรกของไทย โดยมี นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายประพันธ์ ตรีบุบผา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพิชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ว่าที่ร้อยตรีสมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) รศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล หัวหน้าโครงการวิจัย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาความยั่งยืน และหัวหน้าศูนย์วิจัย Mobility and Vehicle Technology Research Center (MOVE) มจธ. เข้าร่วม ณ โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นางสาวศุภมาส กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าไร้คนขับต้นแบบฯ ดำเนินการโดย มจธ. และ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) โดยมี วศ. ร่วมในการวิจัยและพัฒนา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อพัฒนางานวิจัยและองค์ความรู้ด้านรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับ และเทคโนโลยีการสื่อสาร 5G รวมทั้งดำเนินการทดสอบและสาธิตการใช้งานรถบัสไฟฟ้าไร้คนขับในเขตโบราณสถานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกฝ่ายจะได้แบ่งปันองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนบุคลากร ในการดำเนินโครงการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติร่วมกัน เพื่อพัฒนางานวิจัยไปใช้ประโยชน์จริงและยกระดับผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
“นี่ถือเป็นโครงการแรกๆ ของประเทศในการพัฒนารถไร้คนขับ ซี่งจะนำมาสู่การพัฒนาและต่อยอดได้ในอนาคต โดยมีเป้าหมายสร้างรถที่ช่วยลดอุบัติเหตุ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศ และเมื่อเทคโนโลยี C-V2X (Cellular Vehicle-to-Everything) แพร่หลายมากขึ้น ยานยนต์ไฟฟ้ามีการนำไปเชื่อมต่อใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ในเส้นทางสัญจร จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่ใช้เส้นทางร่วมกัน เพราะระบบอัตโนมัติจะมาช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ และจะเป็นการนำเครือข่าย 5G มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคด้วย” และเป็นหน่วยบริการสำคัญให้กับทุกภาคส่วนต่อไป” รมว.อว.กล่าว
ด้านนายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวถึงบทบาทความร่วมมือสำคัญของ วศ. ในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ว่า โครงการดังกล่าว วศ. ได้ร่วมพัฒนาและทดสอบระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ หรือ Advanced Driver-Assistance System: ADAS ไปจนถึงระบบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (Connected and Autonomous Vehicle: CAV) พร้อมทั้งศึกษาและพัฒนาวิธีทดสอบสมรรถนะ และระบบความปลอดภัยของยานยนต์สมัยใหม่ ที่จะมีบทบาทสำคัญสำหรับอนาคตอุตสาหกรรมยานยนต์ฯลฯ ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมระดับ Mega Trend ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ อีกทั้ง วศ. ได้จัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (T-CAV) ที่ EECi วังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง เพื่อจัดทำเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์แห่งอนาคตของประเทศ นอกจากนี้ วศ. ตั้งเป้าใช้ประโยชน์จากศูนย์ T-CAV เป็นแหล่งให้บริการศึกษาวิจัยด้านความปลอดภัยในการขับขี่และผู้ใช้ถนน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน