วันนี้(29 ม.ค.)นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) กล่าวว่า ตนได้เห็นวาระการประชุมคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ พบว่ามีเรื่องที่น่าแปลกใจมาก ๆ คือการพิจารณาในวาระที่ 4 เรื่องการขอขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นไปได้ว่าจะเป็นการยกเลิกเวลาห้ามขายทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาทำเรื่องสถานบริการเปิดได้ถึงตี 4 มาแล้ว เราคิดไม่ถึงว่านายกรัฐมนตรีจะเดินหน้าเรื่องนี้จริง ๆ เพราะข้อเสนอนี้เป็นของกลุ่มนายทุนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และร้านเหล้าผับบาร์ ที่มีการเสนอมาตลอดในทุกรัฐบาล แต่ที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนกล้าทำ จึงชัดเจนว่าการขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 ใน 5 พื้นที่ ที่ผ่านมานั้น เป็นเพียงการสับขาหลอกของรัฐบาล โยนหินถามทางเพื่อนำมาสู่การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ตลอดเวลา นี่คือของจริงที่นายกฯ คงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสมประโยชน์กับนายทุนธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“หากมีการพิจารณาให้ยกเลิกกำหนดเวลาห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามวาระที่เห็น ตรงนี้จะเกี่ยวข้องกับกฎหมาย 2 ฉบับ คือประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 ที่กำหนดให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในเวลา 11.00 -14.00 น. และ 17.00 – 24.00 น. ดูแลโดยกระทรวงมหาดไทยและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดเวลาห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเวลาเดียวกันนั้น โดยออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอันนี้กระทรวงสาธารณสุขดูแลอยู่ และหากที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบให้ยกเลิก จุดยืนในการปกป้องคุ้มครองสุขภาพประชาชนก็คงถูกทำลายสิ้น ภายใต้ภาระทางการแพทย์ที่เลวร้ายลง และต่อให้รัฐบาลทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่ได้สำเร็จก็จะไม่เกิดประโยชน์ เพราะคนเจ็บป่วย ตาย พิการจะมากขึ้นซึ่งกระทรวงสาธารสุขรู้ดีอยู่แล้ว”นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ที่ระบุว่า การอนุญาตให้เปิดผับได้ถึงตี 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จนถึงตอนนี้ผ่านมาเดือนกว่าๆ แล้ว ก็ไม่เห็นความชัดเจนว่า กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ยังไม่มีการประเมินผลว่าได้คุ้มเสีย มีผลกระทบอย่างไรเมื่อเทียบกับมิติทางเศรษฐกิจที่ฝันกันไว้ แต่จู่ ๆ กลับเร่งเดินหน้าขยายเวลาขายเหล้าเบียร์ซึ่งอาจจะไปถึงการขายตลอด 24 ชั่วโมง แบบเอาใจทุนน้ำเมากันสุดๆ ทุกวันนี้เรามีจุดขายเหล้าเบียร์มากกว่า 580,000 จุด และที่แอบขายอีกมหาศาล ดังนั้นหากอนุญาตให้ขยายเวลาจำหน่ายมากขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้คนไทยบาดเจ็บและตายจากอุบัติเหตุที่มีสุราเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก 53,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 145 คน เป็น 348 คนต่อวัน หรือ 127,000 คนต่อปี
“ถือเป็นนโยบายเหี้ยมมาก คงถึงเวลาที่ประชาชนที่ต้องการความปลอดภัยต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี จะลุกขึ้นมาตั้งคำถามดังๆ กับรัฐบาลนี้ ในส่วนของเครือข่ายเองก็จะมีการประชุมและเตรียมเคลื่อนไหวทุกจังหวัดเร็วๆ นี้” นายชูวิทย์ กล่าว