xs
xsm
sm
md
lg

“สามารถ”ยัน ไม่เชื่อยิ่งยุบ พรรคยิ่งโต​ ชี้ อดีต​ ไทยรักไทย​ เคยได้ถึง460 เสียง​ ปัจจุบัน​เหลือเท่าไร​

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(26 ม.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟซบุ๊กสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok: jopstoploss ถึงกรณีที่นักวิชาการหลายท่านระบุว่า ถ้ายุบพรรคก้าวไกลคิดให้ดี เพราะจะทำให้พรรคก้าวไกลโตขึ้น เรื่องนี้ตนมองว่าเป็นการกดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ วันนี้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องห้ามพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะเมื่อวันพุธที่แล้วศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ตำหนินายพิธาไปแล้วว่า การที่คู่กรณีแล้วไปให้ข่าวก่อนหรือไปชี้นำ ไม่ว่าจะเป็นทางบวก หรือทางลบก็ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นการกดดันศาล

นายสามารถ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นักวิชาการหลายคนที่ออกมาพูด โดยขาดซึ่งข้อมูล ตนต้องออกมาบอกว่า ถ้าการกระทำใดทีาผิดกฎหมาย ศาลก็ต้องดำเนินการ ไม่ต้องไปมองว่าจะโตขึ้นหรือจะลดลง แต่สิ่งที่ที่บอกว่าจะโตขึ้นนั้น ไม่จริง ในตอนที่ พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไปตอนนั้นก็เพราะผลเดียวกัน ไม่ได้สนหรอกว่าจะกระทบใครบ้าง แต่ถ้ามีการทำผิดก็ต้องดำเนินการ

“ในเรื่องของการล้มล้างการปกครอง ศาลได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 64 การกระทำของอานนท์ ไมค์ รุ้ง เป็นการล้มล้างการปกครองให้เลิกการกระทำนั้น ซึ่งอานนท์ ไมค์ รุ้งเป็นบุคคลธรรมดา แต่ถ้าเป็นพรรคการเมือง กระทำการแบบนี้จะไม่ยุบพรรคได้อย่างไร สิ่งที่ผมกำลังจะพูดว่า ถ้าปัญหาของประเทศเรื่องของการฉ้อโกง เราจะแก้ปัญหาการฉ้อโกง โดยการที่ลดโทษของการฉ้อโกงลงให้เหลือ 1 ปีจากอัตราโทษ 3-5 ปี พ่อแม่พี่น้องคิดว่าจะมีการโกงจะมากขึ้นหรือไม่เพราะขนาดอัตราโทษ 3-5 ปี คอลเซ็นเตอร์ยังโทรหาท่านทุกวันเหมือนอย่างกับเป็นเพื่อน​ หรือ​ เป็นแฟน“

นายสามารถ กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับมาตรา 112 เป็นคดีที่สูงก็เพื่อให้ไม่มีบุคคลใดมาทำให้สถาบันนั้นสั่นคลอน การให้บุคคลใดฟ้องก็ได้นั้น เพื่อเป็นหูเป็นตา ไม่ให้สถาบันนั้นสั่นคลอน แต่การที่พรรคการเมืองหนึ่งบอกว่าให้ลดโทษที่สูง เหลือโทษเพียงไม่เกินหนึ่งปี เหมือนพูดง่าย ๆ ว่าด่าพ่อเพื่อนยังผิดมากกว่าด่าสถาบัน ด่าพระมหากษัตริย์ พฤติกรรม​แบบนี้คิดว่าเข้าข่ายการล้มล้างหรือไม่ และการบอกว่าให้สถาบันต้องเป็นผู้ฟ้องเองหมายความว่า สำนักพระราชวังจะต้องเป็นคนแจ้งข้อหากับประชาชนเอง ขณะวันนี้ใครแจ้งก็ได้ยังพยายามจะล้มล้างสถาบันอยู่ ท่านคิดว่าการแก้ไขของพรรคการเมืองนั้น เป็นการแก้ไขที่ถูกต้องหรือรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนอยู่แล้วว่า ในมาตรา 6 หมวด 2 สถาบันอยู่เหนือการเมืองอย่างชัดเจน สถาบันอยู่ในสถานะที่ประชาชนต้องเคารพ สักการะ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมบอกว่าขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนแล้วการแก้ไขแบบนี้เป็นนโยบายหาเสียงได้หรือไม่

“ผมขอยกตัวอย่างในอดีตการเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทยได้ที่นั่งถึง 248 จาก500 ที่นั่ง ปี 2548 พรรคไทยรักได้ 377 จาก 500 ที่นั่ง แล้วพรรคไทยรักไทยก่อนการเลือกตั้งปี 49 จะโมฆะ นั้นได้ 460 จาก 500 วันนี้พรรคเพื่อไทยเหลือเท่าไหร่ได้เพียง 141 จาก 500 ฉะนั้นไม่ได้โตขึ้นเลย พอมาดูตัวเลขต่อมา พรรคพลังประชาชนเลือกตั้งปี 2550 ได้ที่นั่ง 233 จาก 480 พรรคพลังประชาชนยังได้มากกว่าพรรคพรรคเพื่อไทยเวลานี้เสียอีก

ขนาดอัตราส่วนของประชากรโตขึ้นด้วย นั่นคือสิ่งที่ผมว่าจำนวนที่นั่ง สส.ของพรรคเพื่อไทยไม่ได้มากกว่าพรรคพลังประชาชนในอดีตด้วยซ้ำ ฉะนั้นการบอกว่าการยุบพรรคแล้วจะทำให้พรรคโตขึ้นนั้นไม่จริง แล้วการที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลเลือกตั้งซ่อมก็ไม่ได้ชนะ หรือแม้แต่กระแสของนายพิธาที่บอกว่าทำให้พรรคก้าวไกลได้ 151 ที่นั่งนั้น เมื่อเลือกตั้งท้องถิ่นก็ไม่ได้ชนะดูได้จากเลือกตั้งซ่อมท้องถิ่นที่จังหวัด​กาญจนบุรี​ที่ผ่านมา​ แล้วอย่าพยายาม​ชี้นำไทยให้เหมือนประเทศ​ที่ปกครอง​ด้วยระบบคอมมิวนิสต์​“นายสามารถ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น