xs
xsm
sm
md
lg

"เศรษฐา" ยันดินเนอร์พรรคร่วมไม่มีคุยปรับ ครม. บอก "ให้ฟังผมคนเดียว" ไม่เอาคำพูดพวกนี้ทำให้หมดกำลังใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ ลั่นวงดินเนอร์พรรคร่วม ไม่มีคุย ปรับ ครม. “ขอให้ฟังผมคนเดียว ไม่ต้องการให้เอาคำพูดพวกนี้มาทำให้หมดกำลังใจ ทุกคนรู้หน้าที่” บอกป่วยแต่ไม่ได้เป็นโควิด พร้อมเผยเตรียมนัด สส.พรรคร่วมสังสรรค์ด้วย ย้ำ 314 เสียงสมัครสมานสามัคคีไม่ต้องเติมเพิ่ม โวชีวิต ปชช.จะดีขึ้นใน 4 ปี

วันนี้ (25ม.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. ที่ร้านอาหารบ้านตานิด อ.สามโคก จ.ปทุมธานี หลังรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ประมาณ 1 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินออกมาทักทายสื่อมวลชนอย่างผ่อนคลาย ร่วมกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย โดย กระเซ้าว่า มาดูว่าพรรคภูมิใจไทยเลี้ยงสื่อฯดีหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมนูอะไรอร่อยที่สุดวันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อร่อยทุกอย่างแต่ยังไม่ได้รับประทานพะโล้ไข่เค็มซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอาการป่วยเป็นอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จมูกไม่ค่อยได้กลิ่นเนื่องจากมีอาการไข้หวัด แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นโควิดอย่างแน่นอนเนื่องจากตรวจมาแล้วถึงสองครั้ง แต่ไม่สามารถหยุดพักผ่อนได้เนื่องจากมีภารกิจต่อเนื่อง ขณะที่เสาร์-อาทิตย์นี้ก็มีภารกิจส่วนตัวงานหมั้นและเป็นประธานงานหมั้นและงานแต่งงานนายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานกรรมการบริหาร King Power


เมื่อถามว่านายกฯ ระบุว่าเตรียมที่จะลงพื้นที่ที่จังหวัดนครราชสีมาพื้นที่ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของ ครม.สัญจรไม่ได้จะไปลงพื้นที่ แต่เตรียมที่จะไปประชุมครม. สัญจรนอกสถานที่ ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวพรรคเพื่อไทยมี สส.ถึง 12 คน แต่จะเป็นเมื่อไหร่ไม่รู้อาจจะเป็นไตรมาสสองถึงสาม ซึ่ง ครม. สัญจรรอบต่อไปเป็นพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐที่จังหวัดพะเยา และอีกครั้งก็เป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงจะกลับมาเป็นของพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าในวงกินข้าววันนี้ได้มีการพูดคุยถึงการปรับ ครม. หรือไม่ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า “ไม่มีอย่างแน่นอน ฟังจากผมคนเดียว เอาให้สบายใจไม่ต้องห่วง วันนี้ทุกคนทำงานหนักมากอยู่แล้ว ไม่ต้องการให้คำพูดพวกนี้มาทำให้เขาหมดกำลังใจ ทุกคนรู้หน้าที่หมดแล้ว”


ต่อมา เมื่อเวลา 20.00 น. นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับประทานอาหารร่วมกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นเจ้าภาพ เลี้ยงหัวหน้าพรรคและแกนนำของทุกพรรค บรรยากาศอย่างที่เห็นมีแต่รอยยิ้ม ไม่มีการคุยเรื่องหนักๆเลย คุยกันแต่เรื่องสบายๆ อาหารอร่อย ลมเย็น ทุกอย่างเรียบร้อยดี วันนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมีข่าวดีจะแจ้งให้สื่อมวลชนฟัง

ด้าน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อสักครู่ได้ตกลงกันกับทางหัวหน้าพรรคทั้งหมด ว่าเดี๋ยวเราจะมีการนัดกัน อีกครั้งในเร็วๆ นี้ โดยจะขอนัด สส.ของทุกพรรค เพื่อมาทานข้าวกัน รู้จักกัน ซึ่งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลได้ทานข้าวร่วมกันเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ สส.ของแต่ละพรรคยังไม่เคยมาเจอกัน ดังนั้นเพื่อการทำงานที่ดี และเพื่อความสนุกสนานด้วย จะได้รู้จักกันมากขึ้นด้วย จึงจะนัดกันในเร็วๆ นี้ โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลจะร่วมกันเป็นเจ้าภาพ แต่ยังตกลงกันไม่ได้ในเรื่องของสถานที่ เพราะเพิ่งสรุปว่าจะจัด ส่วนรายละเอียดจะค่อยๆ ตามมาเรื่อยๆ


ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการโชว์ความเหนียวแน่นของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ใช่ และวันนี้ก็เหนียวแน่น นักข่าวได้ยินเสียงหัวเราะหรือเปล่า

เมื่อถามย้ำว่า เป็นการตอกย้ำว่าพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีอยู่วันนี้เพียงพอแล้วใช่หรือไม่ ไม่ต้องเสริมพรรคอื่นเข้ามา นายเศรษฐา กล่าวว่า แน่นอนครับ ตรงนี้เรามีความมั่นใจ 314 เสียงถือว่ามากแล้ว จาก 500 เสียง เรามีความมั่นคง เหนือสิ่งอื่นใดคือความสม่ำเสมอ เรามาด้วยจุดประสงค์เดียวกันเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แต่แน่นอนการทำงานร่วมกันก็อาจมีไม่เห็นด้วยบ้าง แต่วันนี้อย่างที่เห็นทุกคนก็มีสีหน้า บรรยากาศรอยยิ้มการทำงานที่ดีมีการถกเถียงกันอย่างสร้างสรรค์ ตนเชื่อว่าตรงนี้เป็นนิมิตหมายอันดีอย่างที่ น.ส.แพทองธาร บอกไป เร็วๆ นี้จะนัด สส.

เมื่อถามว่าการที่ สว.จะเปิดอภิปราย รัฐบาลพร้อมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าทุกท่านพร้อม เราเองก็มุ่งมั่นทำงาน ตนเชื่อว่าทุกคำถามมีคำตอบ เป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารที่จะต้องให้ความกระจ่างฝ่ายนิติบัญญัติ ถือเป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

เมื่อถามว่านายกฯ เองในฐานะเป็นนักธุรกิจเก่าวันนี้คุ้นชินกับนักการเมืองแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า ครับ เรื่องของการคุ้นชิน เรื่องความคุ้นเคย ความสมัครสมาน ตนคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้เพราะพวกเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เรามาที่นี่เพื่อยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นภายใน 4 ปีตลอดระยะเวลาที่ตนเป็นนายกฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น