นายกฯ ย้ำเศรษฐกิจไทยวิกฤต จำเป็นต้อง ดัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” กระตุ้นการใช้จ่าย ชี้หลายรัฐบาลแจกทีละ 500-2,000 แบบหยอดน้ำข้าวต้มไม่เวิร์ก เศรษฐกิจไปไม่ถึงไหนโตแค่ 1.8% ลั่นแลนด์บริดจ์ต้องทำวันนี้ ไม่อยากพูด “รู้งี้” 10 ปีให้หลัง แต่ฟังความเห็นทุกฝ่าย-ไม่แข่งสิงคโปร์
วันนี้ (25 ม.ค.67) เวลา 15.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “The Better Future Forward 2024” หัวข้อ "Reinventing Thailand : Toward Becoming a Key Global Player ทำประเทศไทยให้ดีกว่าเดิม : สู่พลังขับเคลื่อนหลักในเวทีโลก" ที่พารากอน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้ต้อนรับประธานาธิบดีเยอรมนีที่ เป็นผู้บริหารระดับรัฐบาล ที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยในรอบ 22 ปี ถือว่านานมากสำหรับการที่ไม่มีผู้นำสูงสุดของเยอรมนีมาที่ถือว่าเป็นผู้ค้าเบอร์ 1 รองจากอียู และมีนักท่องเที่ยวลำดับหนึ่งที่มาจากอียูด้วยถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยประธานาธิบดีเยอรมนีให้ความสนใจเรื่องการค้าขาย เรื่องสิทธิมนุษยชน แล้วเรื่องความมั่นคงทางการเมืองความต่อเนื่องทางการเมืองควบคู่ไปกับสิทธิมนุษยชนซึ่งต่างชาติให้ความสำคัญไม่ใช่แค่โอกาสทำธุรกิจอย่างเดียวแต่เรื่องความเสมอภาคสิทธิมนุษยชนความเห็นต่างที่อยู่ร่วมกันได้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดนอกเหนือจากโอกาสการทำธุรกิจ
นายกฯ กล่าวว่า การอัพสกิล รีสกิลของแรงงานคนไทย การแลกเปลี่ยนความรู้ความสามารถถือเป็นสำคัญกับสังคมไทยไม่ใช่แค่การลงทุนอย่างเดียวซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อย่างต่อเนื่องผ่านการทำงานของบีโอไอ มีการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายของการลงทุน อย่างมากจากทุกประเทศและก็หวังว่าเยอรมันจะลงทุนมากยิ่งขึ้นหลายประเทศ ทั้งนี้เยอรมนีมีบริษัทข้ามชาติหลายบริษัทที่ตั้งโรงงานอยู่ในประเทศประเทศไทย เมอร์เซเดสเบนซ์ และ BMW
รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องการทำงานการลงทุนการขออนุมัติต่างๆในประเทศไทยดีขึ้นรวดเร็วขึ้นและกระชับขึ้น ทั้งเรื่องอาหารและยา ที่มีความติดขัดในการมาตั้งโรงงานยาสินค้าเวชภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพื่อให้เข้าถึงยาเหล่านั้นอย่างรวดเร็วได้รับการรักษาโรคต่างๆช่วยชีวิตคนได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ชีวิตพี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นายกฯ กล่าวว่าเรื่องภาษีที่ซ้ำซ้อนก็เป็นเรื่องใหญ่ ที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจมาลงทุนในประเทศไทย มีคำถามเกิดขึ้นและทำให้โอกาสลดน้อยลงไป หากเราสามารถแก้ปัญหา อะไรที่ทำได้ทำก่อน ไม่อยากใช้คำว่า quick win เพราะเดี๋ยวจะถูกล้อเลียนอีกว่าอะไรก็ quick win อย่างเดียวแต่ quick win ของตนคืออะไรที่ทำได้เราทำก่อน ส่วนอันไหนที่ยากก็ต้องใช้เวลาในการทำต่อไป เพราะเรื่องเหล่านี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก
นายเศรษฐา ระบุว่ามีอีกหลายเรื่องที่ถือว่าเป็นโอกาส เช่นเรื่อง “สุราเสรี” เดินผ่านร้านอาหารก็มีแต่สินค้าเดิมๆ ต่างจังหวัดอยากเห็นความก้าวหน้าความหลากหลายในสินค้าต่างๆ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องให้การสนับสนุนผ่านรัฐสภา ว่า “สุราเสรี” เป็นเรื่องจำเป็นแต่ผู้ผลิตเองก็ต้องเข้าใจด้วยว่าการจะเป็นสุราเสรีได้ต้องมีสูตรที่ชัดเจน มีวิธีการบำบัดน้ำเสียที่ชัดเจน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ใครนึกผลิตได้ก็ผลิตซึ่งชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนถือว่ามีความสำคัญ ก็ต้องยอมรับกฎกติกาเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน
อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนสนใจ เป็นข่าวอยู่ในหน้าสื่อ คงไม่ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจวิกฤตหรือไม่วิกฤต ซึ่งแต่ละคนมีความคิดเห็นเป็นตัวของตัวเองและแต่ละคนก็มีข้อคิดเห็นแตกต่างกันไป จุดยืนของรัฐบาลนี้ชัดเจนว่า เศรษฐกิจวิกฤต ดูจากตัวเลขการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ มาตรงนี้บ่งบอกชัดเจนว่าเราไม่สามารถสู้กับคู่แข่งได้และเราไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวในโลกเราอยู่บนโลกแห่งการแข่งขันสูงไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ฟิลิปปินส์อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ประเทศเหล่านี้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3สูงกว่าเรามาก
ถ้าเรายืนอยู่คนเดียวในโลกโตที่ 1.5% ก็คงอาจจะไม่เป็นไรมั้ง แต่วันนี้เราแพ้คู่แข่ง 2-3 เท่าตัว ตนเชื่อว่าอนาคตที่ดีของเราโอกาสที่สดใสของเราก็จะมืดมนลงไปถ้าเราไม่มีการทำอะไรเกิดขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะสั้นที่ตนเสนอมา คือโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นนโยบายที่หลายคนอาจจะเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นกระจกสะท้อนของเรขาคณิตได้อย่างชัดเจน เป็นรูปพีระมิดที่ชัดเจน คนมีเงินมากอยู่ฐานบน คนมีเงินน้อยอยู่ฐานล่าง ฐานล่างขยายมีคนต้องการความช่วยเหลืออยู่มากมาย
“ที่ผ่านมาหลายๆ รัฐบาลมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบ ”หยอดน้ำข้าวต้ม“ มีการแจกเงินทีละ 500 ทีละ 1000 ทีละ 2000 ไปถึงไหนไหมครับ 10 ปีหลังเศรษฐกิจขยายตัว 1.8% เฉลี่ย ไปไม่ถึงไหนเลยครับ วิธีการนี้ไม่เวิร์ค เราต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่แต่ว่าเรื่องการฟังความคิดเห็นวิธีการเรื่องการป้องกันคอรัปชั่น เรื่องเหล่านี้รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างสูง“
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า ลองพูดง่ายๆและ ไม่ตั้งสมมุติฐาน ลองให้จินตนาการไปว่า ถ้าดิจิทัลวอลเล็ตเกิดขึ้น อะไรจะเกิดขึ้น สมมุติถ้าบอกว่า 1 มิ.ย. ดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้น สมาชิกสภาอุตสาหกรรมทุกคนจะตีปีกทุกคนต้องพร้อมที่จะผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นอยู่ดีดีจะมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาในระบบประมาณ 500,000 ล้านบาท ศูนย์กี่ตัวก็ไม่รู้ เยอะมาก ถ้าเป็นผู้ผลิตจะไม่ผลิตสินค้าหรือ ซึ่งหากมีการผลิตสินค้าอะไรจะเกิดขึ้นมีการจ้างงานการสั่งของการทำงานโอเวอร์ไทม์ เงินในกระเป๋าของพี่น้องประชาชนจะขึ้นมาอีกเท่าไหร่ มโหฬารมากน้อยขนาดไหนอย่างไร หากพูดไปอาจจะกระทบกระเทือนจิตใจห้างร้านใหญ่ๆบ้างแต่ก็ต้องพูด ซึ่งจะมีการควบคุมการใช้เงินบัตรประชาชนอยู่อำเภอไหนก็ใช้อำเภอนั้นไม่ใช่ว่าแห่กันเข้ามาใช้ในกรุงเทพหรือหาดใหญ่หรือเชียงใหม่หรือภูเก็ตอย่างเดียวเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของทุกอำเภอทุกจังหวัดในประเทศประเทศไทยตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ
นายกฯ ยังกล่าวถึง เรื่องหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยสูงกว่า 90% ต่อจีดีพี ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่หมักหมมอยู่ของสังคมไทยซึ่งปัญหาเรื่องหนี้สินไม่มีรัฐบาลไหนที่เข้ามาแก้ไขอย่างจริงจังทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ ซึ่งปัญหาใหญ่ที่สุดคือปัญหาหนี้นอกระบบ ส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดที่เป็นปัญหาใหญ่มาก จากที่ตนลง พื้นที่ไปหลายจังหวัดเกษตรกรเป็นหนี้อยู่ 80,000 บาทซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยวันละ 4000 บาทจ่ายมาแล้ว 4 ปีทบต้นไปแล้วกี่ล้านบาท เงินต้นแค่ 80,000 เท่านั้นและไม่ใช่มีแค่คนเดียวมีหลายคนดอกเบี้ยเป็น 1000% ตรงนี้ต้องช่วยกันแก้ไข
รัฐบาลมีนโยบาย ทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการปกครองกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงการคลังได้เรียกเจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาพูดคุยหากลูกหนี้จ่ายทบต้นครบไปแล้ว ขอให้ยกเลิกสัญญาไปหากไม่ยกเลิกก็ต้องมีปัญหาเพราะเจ้าหนี้ชาร์จดอกเบี้ยเกินตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดอัตราดอกเบี้ยมา ต้องยกเลิกกันไปรัฐบาลต้องยื่นมือเข้าไปช่วยหากหนี้สินไม่ถูกแก้ไขก็มีปัญหาเพราะ ถ้าฐานรากของสังคมที่ไม่แข็งแรง ยอดพีระมิดก็จะไม่แข็งแรงด้วย เพียงแต่ยังไม่ลามมาถึงเท่านั้นเองวันนี้จึงต้องพูดเรื่องนี้และลามไปถึงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำก็เป็นเรื่องสำคัญ
ตนเชื่อว่าในที่นี้ทุกคน 99.99% ไม่มีใครพึ่งค่าแรงขั้นต่ำที่แค่ 300 กว่าบาท 10 ปีที่แล้ว 300 บาท ปีนี้ประมาณ 340 บาทขึ้นมา 12% ภายในเวลา 10 ปี 12ปี ซึ่งเชื่อว่าไม่มีใครรับได้แล้วสังคมจะเติบโตได้อย่างไร สังคมจะแข็งแกร่งได้อย่างไร เรื่องความเหลื่อมล้ำจะหมดไปได้อย่างไร
“หากยังจินตนาการยังไม่ออก ตนขอซ้ำอีกดอกก็แล้วกัน คนที่มาเมื่อ 10 ปีที่แล้วได้เงินเดือน 30,000 บาท และ 10 ปีให้หลังขึ้นมา 12% คงไม่ต้องตอบเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในหัวใจของรัฐบาลนี้เป็นเรื่องที่เรามีความมุ่งมั่นที่จะจะต้องทำให้สำเร็จและยืนยันว่าหากฐานรากของสังคมไม่แข็งแรง ด้านบนพีระมิดก็ไม่แข็งแรง เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องให้โอกาสกับทุกคน ทุกชนชั้น ทุกสถานะ“
นอกจากนี้ตนยังได้ไปพูดถึงเรื่อง“แลนด์บริดจ์” ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ยังไงก็ต้องพูดก่อนจะพูดเรื่อง
”แลนด์บริดจ์“ อยากถามว่าจำได้หรือไม่ว่าการลงทุนเมกะโปรเจกต์ เป็นหมื่นเป็น แสนล้านในมูลค่าการลงทุน ครั้งสุดท้ายเราทำในโครงการไหน รถไฟความเร็วสูงก็ถูกล้มไป ตนขอบอกให้ว่าเป็นโครงการเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คือการทำสนามบินสุวรรณภูมิ เราได้ยินสนามบินหนองงูเห่า มาตั้งแต่ 50 ปีที่แล้วยังไม่เกิดเสียทีจนรัฐบาลของนายทักษิณชินวัตรทำให้เกิดขึ้นเสร็จขึ้นมา เมื่อ 20 ปีที่แล้วหลังจากนั้นไม่มีเมกกะโปรเจกต์ในการลงทุนอีกเลย
“การรอคอยเป็นรายจ่ายที่สูงที่สุด เป็นอะไรที่เราคอยไม่ได้ ผมไม่อยากให้มีโมเมนต์ที่ว่า รู้งี้ รู้อย่างนี้เมื่อ 20 ปีแล้วเราไม่ทำ ”แลนด์บริดจ์“ เราจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศเรา แน่นอนเรื่องการเคารพความเห็นต่าง เรื่องการฟังภาคประชาสังคม เรื่องการคำนึงถึงผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ผลเสียต่อการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีการพูดคุย ต้องมีการเยียวยา ต้องมีการแก้ไขรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจอย่างแน่นอน ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องที่สำคัญถ้าเราไม่เริ่มวันนี้กว่าโครงการนี้จะเสร็จต้องไปอีก 10 ปีกว่าจะเสร็จได้จึงต้องเริ่มวันนี้ ช่องแคบมะละกาปัจจุบันการเดินเรือที่ขนส่งน้ำมันทั่วโลกต้องพึ่งถึง 60% ที่จะต้องผ่านทางนี้ สินค้าที่ต้องผ่านทางช่องแคบมะละกามีสูงมากจึงต้องมีการรอคอยการขนส่งทำให้เกิดความล่าช้าและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ปีที่แล้วมีเรือไปตายขวางคลองสุเอช ทำให้โลกเกือบเป็นอัมพาต โลจิสติกส์ซัพพรายเชน ทั้งโลกเสียหมด หากเกิดอะไรขึ้นที่ช่องแคบมะละกาเราและทั่วโลกจะเดือดร้อนมากแค่ไหน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการทำให้สิงคโปร์ระคายเคืองใจ เพราะเพื่อนบ้านกัน แต่เป็นเรื่องของการแข่งขัน แต่ตนมั่นใจว่าจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องการแข่งขันกันแต่เป็นเรื่องการเสริมซึ่งกันและกันมากกว่า หากเราไม่ทำจะเสียหายมาก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ไม่อยากเน้นเรื่องการเมืองแต่จุดยืนของประเทศไทยชัดเจนเราเป็นประเทศที่เป็นกลางไม่ฝักใฝ่และไม่ฝักใฝ่จีนหรืออินเดียเราเป็นมิตรกับทุกประเทศการที่เรามีเมกกะโปรเจกต์ใหญ่ระดับโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมการขนส่งเดินทางของทั่วโลกโดยทุกประเทศมาใช้ได้อย่างความสบายใจสามารถมาลงทุนได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าเป็นของใคร ฝ่ายไหน ตนเชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงแต่แน่นอนว่าจะต้องทำการศึกษาที่ชัดเจนโดยสถาบันที่เป็นกลางรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายอย่างที่ได้ลงพื้นที่ไปแล้วทุกคนคงเห็นอยู่
สำหรับการท่องเที่ยว รัฐบาลก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งเร็ววันนี้ก็จะมีข่าวดีเรื่องของการยกวีซาไปกลับประเทศจีน หรือวันนี้ก็การ ขอให้ประเทศเยอรมนีช่วยเจรจาให้ยกเลิกวีซาเชงเกน ซึ่งหลายหลายท่านก็ประสบปัญหาเยอะเวลาเดินทางไปยังทวีปยุโรปก็ขอให้อดทนนิดนึง รัฐบาลนี้จะพยายามยกพาสปอร์ตเรตติ้งของประเทศไทยขึ้นมาอีกมิติหนึ่ง รวมถึงเรื่องการท่องเที่ยวในประเทศเราสามารถเป็นศูนย์กลางของเอเชียแปซิฟิกได้ในแง่ของศูนย์การบินระดับโลกเราจะมีการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ ดูรายละเอียดไปถึงเรื่องการจอด private เจ็ท เพราะเหล่านี้มีกำลังซื้อสูงการยกระดับสนามบินสนามบินเชียงใหม่ซึ่งจะตั้งชื่อเป็นสนามบินล้านนาไม่ใช่ประโยชน์แค่เชียงใหม่อย่างเดียวแต่จังหวัดโดยรอบก็จะได้อานิสงค์ รวมถึงสนามบินอันดามันในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามันที่จะได้ประโยชน์เท่ากับในพื้นที่
เรื่องของภาคเกษตรกรรมก็เป็นภาคใหญ่ ซึ่งประชาชนควรคนไทยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพนี้ ซึ่งไม่ได้หาเสียงว่าราคาสินค้าจะขึ้นเท่าไหร่ อย่างไร หากติดตามราคาสินค้าจะทราบว่าตอนนี้ราคาข่าวสูงขึ้นมาก หลังนายภูมิธรรม ทำสวมวิญญาณเป็นเซลล์แมนเบอร์ 2 ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรเป็นอย่างมาก
ส่วนก่อนหน้าเรื่องนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นนโยบายที่ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างมาก ซึ่งมีหลายประเทศมาขอก๊อปปี้ไป เป็นนโยบายใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นนโยบายใหญ่ที่ถูกต่อต้านมาตลอดแต่ก็ประสบความสำ-เร็จ รัฐบาลจึงจะยกระดับ 30 บาททุกโรคขึ้นไปอีก ให้การเข้าถึงการบริการดีมากยิ่งขึ้น
เรื่องของสิทธิเสรีภาพ เรื่องของรัฐธรรมนูญเราจะพยายามจะไปให้ไกลที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิเสรีภาพในการเลือกเพศสภาพ ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันเป็นกฎหมายเข้าสู่สภาไปแล้ว หรือเรื่องสิทธิการประกอบอาชีพ เช่นการเกณฑ์ทหาร ที่จะทำการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจเกณฑ์ทหาร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมถึงจะทำให้ช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนแคบลงไปเรื่อยๆ โดยจะให้ทหารนำพื้นที่ในเขตมามอบให้กับประชาชน และให้ทำเป็นพื้นที่การเกษตร โดยหลายเรื่องราวพยายามทำอยู่ขอให้มั่นใจว่าโอกาสที่มีเป็นโอกาสที่จะทำให้หัวใจของประชาชนทุกคนฟูขึ้นได้ จากการมีสิทธิเสรีภาพที่ดีขึ้นและก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ