วันนี้(25 ม.ค.)นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวภคอร จันทรคณา อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และ เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์, นาวาเอกบัญชา รัตนาภรณ์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ,นายนักบุญ อรรคบุตร ผอ.ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ , นางสาวอรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ โฆษกพรรค,นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิตต์ นายทะเบียนพรรค , นางสาวกฤษยากร สรชัย กรรมการบริหารพรรค,นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข ผู้ประสานงานพรรค พร้อม เจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบ โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ระยะที่ 1(พื้นที่ฝั่งจังหวัดระยอง) อำเภอ บ้านฉาง จังหวัด ระยอง ซึ่งเป็นโครงการที่รับผิดชอบโดยกองทัพเรือ โดยการดำเนินการจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการ งบประมาณ 65 ล้านบาท รับผิดชอบโดยฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง โดยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า โครงการดังกล่าวไม่ชอบมาพากลหลายประเด็น โดยมี น.อ.จตุรงค์ สุขเกษม หัวหน้ากองพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ ให้การต้อนรับ
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่า โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง มีความน่าสงสัยในหลายประเด็น ได้แก่ โครงการนี้เดิมใช้งบประมาณของกระทรวงใดในการดำเนินงาน และก่อสร้างในพื้นที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานใด ต่อมา โครงการนี้สามารถดำเนินการดูดทรายในพื้นที่ขายให้เอกชนได้หรือไม่ และได้รับการอนุญาตให้ดูดทรายจากกรมเจ้าท่าแล้วหรือยัง รวมทั้ง ทางอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ได้ออกใบอนุญาตให้มีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ในการประกอบการ ขุด-ขน ทรายแล้วหรือไม่ และโครงการนี้ ได้ใช้แรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว ซึ่งแรงงานต่างด้าวได้รับใบอนุญาตทำงานในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ อีกทั้ง ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ขอให้ตรวจสอบว่า มีนายทหารใหญ่ ยศ พล.ร.อ.นอกราชการ อักษรย่อ พ. กำลังจะได้รับรางวัลเกรียติยศจักรดาว มายุ่งวุ่นวายกับงานจัดซื้อจัดจ้างของ กองทัพเรือ และ พล.ร.ท. น. และพล.ร.ท. ม. เป็นที่ปรึกษาเอกชน รับเงินเดือน 1 แสนบาท จากเอกชน จริงหรือไม่
‘หลังจากที่ผมและคณะ ได้ลงพื้นที่และตรวจสอบสัญญาแล้ว พบว่า โครงการนี้ ไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่เป็นสัญญาการขายดินมาโปะเป็นค่าจ้างการขุดลอกคลองบางไผ่ โดยใช้เงินจากการขายดินมาเป็นค่าจ้างแทน โดยมีการลงนามในช่วงของ ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบคนเดิม ซึ่งเงื่อนไขการเซ็นสัญญามี 2 เหตุผลคือ 1.ไม่รู้ และ 2. มีเจตนาพิเศษ ซึ่งก่อนที่จะร่างสัญญาได้ต้องมี คกก.ในการร่างทีโออาร์ขึ้นมา ว่าค่าขุด และค่าจากการขายของได้เท่าไหร่ ซึ่งการขุดดิน จะต้องมีการแยกอิฐ หิน ดินทรายว่าราคากลางเท่าไหร่ ก่อนตีกลับมาเป็นเงินให้ส่วนราชการ ค่อยไปหักกับค่าจ้าง ดังนั้น สิ่งที่ตนจะเสนอแนะก็คือ อยากให้ พลเรือโท ชยุต นาเวศภูติกร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ คนปัจจุบัน ตรวจสอบสัญญาและร่างทีโออาร์เดิมให้แก้ไขเป็นปัจจุบันว่าถ้าเห็นเสียเปรียบแบบนี้ควรยกเลิกสัญญานี้หรือไม่อย่างไร เพราะว่า สัญญานี้ดูค่อนข้างเสียเปรียบเอกชนผู้รับจ้าง รวมทั้ง อยากให้ ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบ ระงับสัญญาก่อน และหยุดดำเนินการขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบและเขียนสัญญาใหม่ ถ้าบริษัทเดิมจะดำเนินการต่อและให้ประโยชน์กับภาครัฐเยอะ ก็เชิญอัยการจังหวัด สตง.มาร่วมเขียนสัญญาใหม่ ในการดำเนินการขั้นต่อไป ทั้ง ตนจะทำหนังสือถึง ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบ ให้ทบทวนสัญญาใหม่ เพื่อไม่ให้หน่วยงานภาครัฐเกิดความเสียหาย และเสียประโยชน์ต่อไป” นายมงคลกิตติ์กล่าว
’
นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนได้รับคำชี้แจงจาก น.อ.จตุรงค์ สุขเกษม หัวหน้ากองพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ ว่า โครงการดังกล่าวทำด้วยความรอบคอบ ทางกองทัพเรือไม่ได้คิดตัวเลขขึ้นมาเอง โดยมีแบบจากกรมทรัพยากรน้ำให้ข้อมูลตัวเลขทุกอย่าง และกรมทรัพยากรน้ำก็เคยทำงานในลักษณะแบบนี้มาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามกองทัพเรือ พร้อมที่จะนำทั้งหมดกลับไปตรวจสอบต่อไปนั้น ก็อยากจะให้ทาง น.อ.จตุรงค์ ดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะขณะนี้ ประชาชนในพื้นที่มีข้อสงสัยต่อโครงการนี้เป็นอย่างมาก และได้มาฝากเรื่องให้ทางพรรคไทยศรีวิไลย์มาติดตามตรวจสอบ เพราะฉะนั้น หลังจากนี้ ตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้หน่วยงานราชการถูกเอารัดเอาเปรียบจากบริษัทเอกชน และให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว แต่ถ้า หน่วยงานยังไม่แก้ไข ปรับปรุง หรือ ยกเลิก ทำงง ก็จะดำเนินการยื่นร้องต่อ ปปช.เพื่อดำเนินคดี ดังกล่าวด้วย