เมืองไทย 360 องศา
สังเกตมาเป็นสัปดาห์แล้วว่า “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่มีความเคลื่อนไหวในทางสาธารณะออกมาให้เห็นเลย ตอนแรกอาจนึกว่าเป็นเพราะแบบ “ไม่กล้าหายใจแรง” กลัวคนอื่นตั้งคำถามเรื่อง “พ่อเทวดา” นายทักษิณ ชินวัตร ที่ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมานานเกือบ 5 เดือนแล้ว ทำให้เกรงในเรื่อง “แรงกระเพื่อม” หากมีการให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามในช่วงนี้ก็อาจเพิ่มจุดสนใจขึ้นไปอีก จึงเลือกใช้วิธีนิ่งเงียบไปก่อนหรือเปล่า
อย่างไรก็ดี ก็มีหลายคนที่เริ่มสังเกตเห็นเหมือนกัน เพราะหากพิจารณากันตามความเป็นจริงก็จะไม่ปรากฏข่าวคราว การให้สัมภาษณ์ รวมไปถึงการออกงานใดๆ มานานนับสัปดาห์แล้ว จนเข้าข่ายลักษณะที่เรียกว่า “คนหาย” ได้เลยทีเดียว ถือว่าผิดปกติมาก เพราะก่อนหน้านี้เธอมักจะมีบทบาทสำคัญ จนถึงขั้นที่เรียกกันว่า “นายกฯคนที่สอง” กันเลยทีเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้ามารับตำแหน่ง รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งที่ผ่านมา นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ประกาศเมื่อตอนหาเสียงไว้ว่า ซอฟต์เพาเวอร์ เป็นเรื่องสำคัญมาก โดยได้เล็งดำเนินการโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งเราได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่งนั้น เป็นเรื่องใหญ่
ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศไทย ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธาน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษา และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ ทั้งนี้ผู้ที่จะดำเนินการประสานงานคือ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามถึงการตั้ง น.ส.แพทองธาร มาเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ จะให้ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวว่า คณะกรรมการนี้ น.ส.แพทองธาร จะเป็นรองประธาน ที่มีนายกฯเป็นประธาน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะมีบทบาทกำหนดแนวทาง รูปแบบ กติกา ว่าจะส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์ ดึงคนที่มีศักยภาพ มีพรสวรรค์ ของแต่ละครอบครัวเราจะเฟ้นหาอย่างไร
เรียกว่าคณะกรรมการชุดนี้ เป็นคณะกรรมการระดับชาติ มีขอบข่ายบทบาทสูงมาก เพราะนี่คือนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล และการที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาเป็นรองประธานคณะกรรมการ ก็ย่อมถือว่าในทางปฏิบัติเธอก็คือ “คนคุมเกม”
นอกเหนือจากนี้ น.ส.แพทองธาร ยังเป็นประธานขับเคลื่อนเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่กำลังมีการยกระดับ โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ก็สามารถรักษาได้ทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยขณะนี้มีการนำร่อง ใน 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค มีการคิกออฟไปแล้ว
นี่ยังไม่นับเรื่อง ค่าแรงวันละ 600 บาท ที่จะเริ่มที่วันละ 400 บาท ที่เคยประกาศว่าจะเริ่มในปี 67 นี้ก่อน เรื่องเงินเดือนปริญญาตรี เดือนละ 25,000 บาท เป็นต้น ถือว่าเป็นนโยบายหลักเมื่อตอนหาเสียง ดังนั้นในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เธอก็ต้องมีบทบาทนำแน่นอน
แต่กลายเป็นว่าในช่วงเวลาผ่านนานนับสัปดาห์แล้ว ที่ไม่เห็นหน้าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทย หรือการประชุมคณะกรรมการสำคัญในชุดดังกล่าว เรียกว่า “หายเงียบ” ไปเลย เรียกว่าเงียบสนิทเลยจริงๆ ถือว่าแปลกมาก กลายเป็นว่าในเวลานี้มีเพียงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ดี อาจเป็นเพราะด้วยเหตผลข้างต้นที่ว่าเวลานี้สถานการณ์หลายอย่าง “เริ่มไม่แน่นอน” หลายอย่างยังไม่เป็นไปตามเป้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่ส่อเค้าแท้งแน่นอน และเชื่อว่ากำลังอยู่ในช่วงหาทางลงเท่านั้น โอกาสเดินหน้าถือว่าเป็นศูนย์เลยทีเดียว ซึ่งในทางการเมืองถือว่า “เสียหาย” หนักมาก เพราะนี่คือนโยบายเรือธง ย้ำกันมาตลอด ขณะที่ชาวบ้านที่อยากได้เงินหมื่นก็รออยู่
ส่วนเรื่องค่าแรงที่เริ่มก่อนวันละ 400 บาทในปี 2567 นั้น ก็ยังไม่ขยับ รวมถึงเรื่องเงินเดือน 25,000 บาท ก็ดูแล้วยังมืดมน เอาเป็นว่า ไม่มีความคืบหน้าสักอย่าง
และที่สำคัญเวลานี้บรรยากาศทางการเมืองก็เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ จากกรณี “นักโทษเทวดา” นายทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว กลายเป็นถูกมองว่าเป็น “อภิสิทธิ์ชน” น่ารังเกียจ สร้างความไม่พอใจสะสมขึ้นไปเรื่อยๆ และยิ่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีรายงานว่าเขาจะได้รับการ“พักโทษ” กลับไปอยู่บ้าน ทุกอย่างเหมือนกับการ “วางแผนสมคบ”กัน มันก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจ เสี่ยงต่อการจุดระเบิดได้เหมือนกัน
เอาเป็นว่าหลายอย่างในเวลานี้เริ่มไม่เป็นใจ ไม่ว่าผลงานรัฐบาลที่ผ่านมาเกือบ 6 เดือน ในสายตาหลายคนยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน หากบอกว่าเวลาน้อยไป แต่เมื่อพิจารณาถึงแนวโน้มแล้วก็ยังมองไม่เห็นแวว โดยเฉพาะนโยบายหลัก เช่น ดิจิทัล วอลเล็ต หรือแม้แต่นโยบายเรื่องการผลักดัน “ซอฟต์เพาเวอร์” ที่จนถึงวันนี้ยังสับสน ไม่ปังอย่างที่คาดหมายเอาไว้
ที่เคยบอกว่า การดำเนินการโครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ที่เคยคุยโวเอาไว้ว่าได้ปูเรื่องรายได้ว่ารายได้ขั้นต่ำของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นจำนวนเงิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน และการสร้างตำแหน่งงานของแรงงานทักษะสูง 20 ล้านตำแหน่ง ถึงตอนนี้ดูแล้วยังห่างไกลเป้าหมายมากนัก เพราะยังไม่มีการขยับในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ดี การหายหน้าไปของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในช่วงที่ผ่านมา จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ถือว่า “ไม่ปกติ” อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันยังส่งผลสะเทือนไปถึงรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย โดยเฉพาะความเชื่อมั่น จนต้องตั้งคำถามว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลหายไปไหน ไม่มีการปรากฏตัว ซึ่งไม่เป็นผลบวกอย่างแน่นอน !!