เลขาฯก้าวไกล วิเคราะห์เบื้องต้นคำนิจฉัย "พิธา" เหตุไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อ เตือนใครจะเป็นนักการเมืองดูให้ดีถือแม้แต่ 1 หุ้นหรือไม่ เตรียมไลฟ์เจาะลึก “ปิยบุตร ทัวร์” คืนนี้
เมื่อวันที่ (24 ม.ค.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีการถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า วิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีพิธา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยกคำร้องในคดีที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกร้องว่ามีลักษณะต้องห้ามจากการถือหุ้นสื่อ โดยศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พิธา ไม่มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว โดยให้เหตุผลในสามประเด็น ดังนี้ 1. ตามบทบัญญัติมาตรา 98 (3) “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” แม้ถือหุ้นเพียงหุ้นเดียว ก็เข้าข่ายตามมาตรา 98 (3) นี้ ไม่จำเป็นต้องดูจำนวนหุ้นมากเท่าไร จนส่งผลครอบงำสั่งการได้หรือไม่ กรณีนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นต่างกับศาลฎีกา (คำสั่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง 24/2566 คดีชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ถือหุ้น AIS 200 หุ้น)
นายปิยบุตร ระบุว่า เป็นอันว่า ถ้ายังไม่ยกเลิกมาตรา 98 (3) ใครจะมาเป็นนักการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้ง ต้องไปตรวจสอบให้ดีว่าตนเองถือหุ้นสื่อแม้แต่ 1 หุ้น หรือไม่ ก่อนเลือกตั้ง คดีขึ้นศาลฎีกา รอดหลังประกาศผลเลือกตั้ง คดีขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รอด 2. พิธายังคงถือหุ้นบริษัท ไอทีวี 42,000 หุ้น ณ วันสมัครรับเลือกตั้ง 3. บริษัท ไอทีวี ไม่ได้เป็นสื่อ โดยพิจารณาจากคำให้การของประธานบริษัท, สปน.บอกเลิกสัญญาการทำสื่อกับไอทีวี, ไอทีวี ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการ, งบการเงิน แสดงให้เห็นว่าไม่มีรายได้จากการทำสื่อ, เอกสารส่งสำนักงานประกันสังคม ไม่ได้ระบุว่าทำสื่อ ผมจะวิเคราะห์คำวินิจฉัยนี้ โดยละเอียดอีกครั้ง ในรายการ “ปิยบุตร ทัวร์” ทางช่อง Friends Talk วันนี้ เวลา 20.00 น.