“พิธา” มาถึงศาล รธน.ฟังคำตัดสินดคีถือหุ้นสื่อ มั่นใจความบริสุทธิ์ ปัดตอบกลับมานั่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล หากพ้นผิด ลั่นไม่ยึดติดตำแหน่ง ด้อมส้มแห่ให้กำลังใจ ยกเป็น “นายกฯ ในดวงใจ”
วันที่ 24 ม.ค. เวลา 12.45 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังคำวินิจฉัยในคดีที่สำนักงาน กกต.ขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ จากกรณีมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
นายพิธา กล่าวก่อนเข้ารับฟังคำวินิจฉัย ว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคก้าวไกล ทุกคนในพรรคที่คอยให้กำลังใจ ที่ทำงานหนักตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่ช่วยทำคำแถลงปิดคดี ส่วนตน มั่นใจในข้อเท็จจริง และความบริสุทธิ์ของตัวเอง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนการดำเนินงานของพรรค ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ก็จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป เสาร์ อาทิตย์ นี้ ก็ลงพื้นที่เหมือนเดิม ส่วนการกลับเข้าสภาจะเข้าได้เมื่อไหร่นั้น คงต้องคุยกับประธานสภาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากการจัดการเรื่องเอกสารจะต้องใช้เวลา โดยตนจะให้ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้ดำเนินการ
“วันนี้ขอฟังคำวินิจฉัยก่อน ผมยังมั่นใจในบรรทัดฐานคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง และศาลปกครองสูงสุดก่อนหน้านี้ ซึ่งหากใครได้ลงรายละเอียดจะเข้าใจว่าการเป็นสื่อมวลชนนั้นจะต้องมีใบประกอบกิจการอะไรบ้าง ซึ่งเราได้นำประเด็นนี้สู้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว” นายพิธา กล่าว และว่า สิ่งแรกที่จะทำทันที หลังฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ลงพื้นที่ภาคเหนือ
เมื่อถามว่า มีข้อกังวลใจอะไรบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีข้อกังวลใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงในอดีตหรือสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งอนาคตก็ยังรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเดิม ซึ่งได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลในการจัดทำแผนการทำงานของพรรคก้าวไกล ในปี 2567
มาถามว่า คาดว่า มติของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นเอกฉันท์หรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ตนไม่อาจก้าวล่วงในเรื่องนี้ได้ คงต้องรอฟังอย่างเดียว
เมื่อถามว่า กังวลจะซ้ำรอยกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า หากศาลลงรายละเอียด โดยกรณีของนายธนาธรนั้น มีเอกสารที่สามารถพิจารณาได้ว่ายังสามารถประกอบกิจการได้ แต่กรณีของบริษัท ไอทีวี ทาง กสทช.ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีคลื่นความถี่ ไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจได้ ที่สำคัญคือตนได้โอนหุ้นให้กับน้องชายแล้วตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้น กับทางบริษัท ไอทีวี
เมื่อถามว่า กระบวนการหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้วจะกลับไปเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตน และ นายชัยธวัชไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ตนแค่ต้องการทำงาน ในช่วงเดือน เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ มีประชาชน เจ้าหน้าที่ที่ทำงานที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ จำนวนหนึ่ง มาให้กำลังใจ หลังจบการสัมภาษณ์ต่างกรูกันเข้ามาเพื่อจะถ่ายภาพและให้กำลังใจนายพิธา พร้อมตะโกนคำว่า “นายกฯ พิธา” “นายกฯ ในดวงใจ”