เลขาฯ กกต.เผย อนุฯ ตรวจสอบเงินบริจาคของ “ภูมิใจไทย” ยังไม่เสร็จ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย “ศักดิ์สยาม” ซุกหุ้น หากไม่ทันพร้อมยืดเวลา ชี้ 3 องค์ประกอบเงินบริจาคพรรคการเมือง ที่เป็นเหตุให้ยุบพรรค
วันนี้ (20 ม.ค.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสั่งให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ อดีตเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ขาดจากความเป็นรัฐมนตรี จากเหตุมีหลักฐานชี้ชัดว่าให้นอมินีถือหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ จะกระทบกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ว่า ตนเห็นตามข่าวว่า จะมีผู้มายื่นให้ตรวจสอบ แต่ก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มายื่นเรื่องให้ตรวจสอบการบริจาคเงินของบุคคลและบริษัทที่เกี่ยวข้องให้พรรคภูมิใจไทยแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ยืนยันว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อเท็จจริง เพราะวันนี้ทราบแต่เพียงว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายศักดิ์สยาม พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องดูคำร้องของผู้ยื่นให้ตรวจสอบ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
นายแสวง กล่าวว่า ในข้อกฎหมายเรื่องการเงินของพรรคอันเป็นเหตุให้ยุบพรรคนั้น ต้องมี 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1. วิธีการที่พรรคได้รับเงิน ต้องเป็นไปตามกฏหมายกำหนด เช่น การบริจาคหรือระดมทุน
2. ผู้ให้ที่เป็นบุคคลหรือนิติบุคคล ต้องมีคุณสมบัติ และไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามกฏหมายพรรคการเมือง
3. แหล่งที่มาของเงินต้องชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งในส่วนแหล่งที่มา กกต.ไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัย แต่จะมีหน่วยงานอื่นเป็นผู้วินิจฉัย เพราะฉะนั้นหากเงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องให้หน่วยงานอื่นเป็นผู้ชี้ขาด และ กกต.จะนำผลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา ว่ามีเหตุให้ยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งการจะยุบพรรคนั้น ต้องมีองค์ประกอบเหล่านี้
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่นายชูวิทย์ เคยยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบการบริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย โดยมีผู้ที่เกี่ยวข้องในบริษัทดังกล่าวนั้น นายแสวง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของอนุคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนายทะเบียนพรรคการเมือง ตนยังไม่ได้รับรายงานมา และจะให้มีการขยายเวลาหากตรวจสอบไม่ทัน พร้อมปฏิเสธตอบความเห็นส่วนตัวว่าเรื่องนี้เข้าข่ายหรือไม่ ขอรอข้อเท็จจริงก่อน