ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปีชงแก๊งสวาปา(ล์)ม ดิ้นส่ง "สยามราช" นักร้องขาประจำกลุ่มป่วนสรรหา CEO ใหม่ปตท.
โค้งสุดท้ายของการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหารปตท.คนใหม่ ที่กำลังขับเคี่ยวกันเข้มข้นจะรู้ผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ว่ากันว่า ไม่ว่าใครจะได้รับเลือกขึ้นมาทำหน้าที่ สิ่งที่จะตามมาย่อมก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในองค์กรพลังงานยักษ์ใหญ่แห่งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
เพราะไม่เพียงที่จะต้องนำ ปตท. ฝ่าฟันมรสุมเกลียวคลื่นธุรกิจพลังงานโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแล้วยังต้องสะสางปัญหาภายใน ที่อดีตปตท.ถูกปู้ยี่ปู้ยำเสียหายหลายหมื่นล้านจากฝีมือของอดีตผู้บริหารระดับสูงที่สมคบกับคนภายนอกเป็นขบวนการฉ้อฉล เบียดบังผลประโยชน์ของปตท. เข้ากระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง
ยกตัวอย่าง คดีทุจริตโครงการปลูกปาล์มน้ำมันที่อินโดนีเซีย คดีสต็อกน้ำมันปาล์มล่องหน ซึ่งรวมๆ มูลค่าเสียหาย 2 หมื่นกว่าล้านบาทนั่นไง
ฟังว่า คนในปตท. เรียกกลุ่มก๊วนพวกนี้ว่าเป็น "แก๊งสวาปา(ล์)ม" การดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ที่ผ่านมาคืบหน้าไปอย่างมาก คนทำผิดทุจริตใกล้คุกกันเข้าไปทุกที
ดังนั้นแล้วขบวนการที่เคยหากินกับปตท. ย่อมร้อนๆ หนาวๆ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกลุ่มตัวเอง หาก CEOคนใหม่ไฟแรงเกิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ใส่เกียร์ห้าเร่งเก็บกวาดขยะในบ้านขึ้นมา ก็เท่ากับเร่งวันเร่งคืนให้ภัยมาถึงพวกตัวเองเร็วขึ้น
เมื่อดูท่าปีนี้น่าจะเป็น "ปีชง" ของพวกตัวเองแน่แล้ว จำเป็นที่จะต้องหาวิถีทาง "แก้ชง" แก้กรรมกันไว้ก่อน
ฟังว่า วิธีการแก้ชงที่คนกลุ่มนี้คิดอ่านกันว่าจะได้ผลก็คือ การป่วนการสรรหา CEO ปตท. ใส่สีตีไข่ ใส่ความแคนดิเดตที่ลงรับสมัคร ล็อบบี้สื่อที่ตัวเองเลี้ยงดูปูเสื่อไว้ให้ช่วยกระพือข่าว โดยหวังว่าจะส่งข้อความให้ไปถึงบอร์ดสรรหาให้หวาดผวาว้าวุ่น
เป้าหมายคาดหวังไว้สูงถ้าล้มได้ก็ล้ม!
อย่างน้อยก็ซื้อเวลายื้อชะตาชีวิตตัวเองออกไปแล้วค่อยหาเกาะกำบังหรือผลักดันพวกตัวเองเข้ามาเป็นใหญ่ใน ปตท.เหมือนเดิม
ว่าแล้วไม่รู้เป็นเรื่องบังเอิญ หรือรู้กันหรือไม่ ไม่ขอยืนยัน!!
จู่ๆ “นักร้องปตท.”ขาประจำอย่าง "สยามราช ผ่องสกุล" ซึ่งคราวนี้แสดงตนเป็นผู้ถือหุ้นปตท. ก็โผล่พรวดพราดออกจากมุม ลุกขึ้นมาอ้างว่า จะได้รับความเสียหายจากการสรรหา CEO คนใหม่
“สยามราช” เคลื่อนไหวถี่ๆในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ วันก่อนส่งเรื่องร้องเรียนเข้าบอร์ด ขู่ฟ่อๆ จะฟ้องป.ป.ช. ว่าส่อละเว้นปฏิบัติหน้าที่ปกปิดช่วยเหลือผู้สมัครบางราย
พอไม่มีใครสนใจ ก็ร้องมันเรื่อยไปจนถึงเมื่อวานนี้ ส่งไปที่ "พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กดดันให้ลงมาดูแล
ถามว่า “สยามราช” เป็นใคร ก็ต้องบอกว่า อดีตเป็นที่ปรึกษากฎหมายของ "นางแนนซี่ มาตาซูตะ" อดีตประธานหอการค้าไทย-อินโดนีเซีย ชาวอินโดนีเซียหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตปลูกปาล์มอินโดของปตท. โดย ป.ป.ช.
นับตั้งแต่มีเรื่องคดีอื้อฉาวปลูกปาล์มอินโดฯ จนมาถึงสต๊อกลม "สยามราช ผ่องสกุล" ก็ออกหน้าเป็นนักร้องตัวแทนกลุ่มผู้ถูกกล่าวหามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 62
ทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง เทียวไล้เทียวขื่อ ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. ไปจนถึง DSI
เรียกว่าเป็นขาประจำเรียกร้องของกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาโดยป.ป.ช.
แต่เห็นว่า ทุกๆเรื่องที่ “สยามราช” ยื่นร้องเรียนไปยังองค์กรต่างๆเพื่อให้ตรวจสอบผู้บริหารปตท. ฝั่งตรงข้ามพวกพ้อง เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำตามที่สยามราชอ้าง จึงยุติไปทั้งหมด
ลับลมคมในเกี่ยวกับ “สยามราช” และความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตโครงการปลูกปาล์ม หรือสต๊อกลมยังมีอีกมาก
รวมไปถึงเจตนาการเข้ามาถือหุ้นในปตท. เพียงไม่กี่หุ้น ซึ่งจะอ้างได้ว่าเป็นผู้ถือหุ้นปตท. มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง จะได้สะดวกกับการร้องเรียน ก็มีที่มาที่ไป
เอาไว้ติดตามรอดูกันจะนำมาตีแผ่ ซึ่งดูแล้วก็จะรู้ว่าความเคลื่อนไหวของ "สยามราช" ที่ป่วนบอร์ดสรรหา CEOปตท.ทำไปเพื่อ "แก้ชง" ตัดกรรมให้ใคร ?
โปรดติดตามตอนต่อไป.
** ราชทัณฑ์ อุ้ม “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษพิเศษ ระวังจะเจอคุกเสียเอง
หลังจากเป็น “เทวดาชั้น14” รพ.ตำรวจ มากว่า 140 วัน ตอนนี้ “ทักษิณ ชินวัตร” กำลังรอการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ เพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านพักกับครอบครัว ลูกหลาน
ในวันที่ “ทักษิณ” ยอมกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น เขาต้องมารับโทษตามที่ศาลตัดสินจำคุกเอาไว้ รวมทั้งหมดเป็นเวลา 8 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี
ล่าสุด มีแถลงการณ์กรมราชทัณฑ์ เกี่ยวกับเกณฑ์พักโทษพิเศษของ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ไม่มีรายละเอียดในการอธิบายความที่ชัดเจนถึงการ “พักโทษพิเศษ” มีกรอบเพียงว่าจะต้องมีการรับโทษมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 อย่างใดมากกว่ากัน จึงจะเข้าเกณฑ์ ไม่ใช่ยึดเอาว่าอย่างใดน้อยกว่ากัน
“ทักษิณ”ตอนนี้ เท่ากับว่าต้องโทษจำคุก 1 ปี การรับโทษ 1 ใน 3 ของ 1 ปี คือ 4 เดือน ดังนั้น กรณีนี้จึงต้องยึดเอา 6 เดือนเป็นหลัก การพักโทษจะเกิดได้อย่างเร็วสุดคือ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 67
เรื่องนี้ “สว.สมชาย แสวงการ” ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่รู้ “ราชทัณฑ์” กำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้ออกมาพูดถึงเรื่องการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ ทั้งที่ “ทักษิณ” เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ด้วยโทษจำคุก 8 ปี แล้วได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี จากนั้นก็ควรดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติ โดยไม่ขอรับพระราชทานลดโทษเพิ่มเติมอีก
การจะพยายามทำอะไรของฝ่ายการเมือง ฝ่ายราชทัณฑ์เช่นนี้ จึงอยากเตือนว่า ขอให้ยึดหลักกฎหมายให้ดี อย่าทำให้เกิดวิกฤตศรัทธา เพราะเมื่อได้รับพระราชทานอภัยลดโทษแล้ว ก็ควรเดินไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง
แต่สิ่งที่ราชทัณฑ์แถลง ไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นการพักโทษพิเศษได้อย่างไร กรณีจึงต้องยึด พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 เป็นตัวตั้ง และระเบียบกระทรวง 2563 กับระเบียบที่เพิ่งออกใหม่ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้เกิดจากการให้ไปพักรักษาตัวที่บ้าน รวมถึงการพักโทษก่อน 6 เดือน ก็ทำไม่ได้
“...ระเบียบที่อ้างกัน ไม่ได้มีเจตนารมณ์ให้กลับไปอยู่บ้าน แต่มีความพยายามอ้างเรื่องการพักอยู่ที่บ้าน สิ่งสำคัญคือบ้านที่ไปพัก ต้องมีลักษณะเป็นเรือนจำ หรือไม่ หากมีลักษณะเป็นเรือนจำแล้ว มีสภาพคุมขังได้หรือไม่ หากบ้านมีสภาพคุมขังได้ ก็หมายความว่า นักโทษคนอื่นต้องไปพักได้ด้วย ไม่ใช่บ้านของใครคนใดคนหนึ่ง...”
ที่สำคัญคือ การแถลงของราชทัณฑ์ เหมือนกำลังจะทำอะไรบางเรื่อง บางอย่าง ที่ไม่ต้องให้ “ทักษิณ” รอไปจนถึงวันที่ 22 กุมภาพันธุ์ ทั้งที่หากรอให้ถึงวันนั้นแล้วขอพักโทษ ข้อครหาต่างๆก็อาจจะน้อยลง เนื่องจากเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ที่กำหนด จึงฝากเตือนว่าอย่าพยายามเขียนระเบียบอะไร ที่ไปทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือน
โดยเฉพาะคำถามที่อื้ออึงอยู่ตอนนี้คือ กระบวนการยุติธรรม มีความเสมอภาค หรือเท่าเทียมกันจริงหรือ??
ระวังสุดท้ายก็จะมีคนติดคุกแทน!!