“ท้องถิ่น” จ่อประเดิมตั้งเงินนอกงบประมาณ สัดส่วนร้อยละ 10-25 สมทบงบประมาณรายจ่ายประจำปี โครงการ/เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ วงเงินตั้งแต่ 10 ล้านขึ้นไป ให้ อปท.ใช้จ่าย เหตุเงินสะสมเพียงพอ เสนอ สงป.นำร่องจัดสรรงบลงทุน ให้เกิดความคล่องตัว ตามภารกิจถ่ายโอนภารกิจ บริการสาธารณะ ลดความเหลื่อมลํ้า
วันนี้ (18 ม.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ความคืบหน้าต่อแนวทางของรัฐ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งเป็นหน่วยรับงบประมาณ พิจารณานำเงินนอกงบประมาณ หรือเงินสะสมคงเหลือมาใช้ดำเนินภารกิจภายในท้องถิ่น
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ที่มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานประธาน ก.ก.ถ.
เห็นชอบในหลักการสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นเงินอุดหนุนสำหรับดำเนินการทั่วไป หรือสนับสนุนการดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นการเฉพาะตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ เพื่อสนับสบุน อปท. และการสมทบเงินนอกงบประมาณ ตามที่คณะอนุกรรมการด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ก.ก.ถ. เสนอ
แนวทางดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการจัดตั้งงบประมาณ ของ อปท. มีความสอดคล้องกับแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล ซึ่งคำนึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ ความต้องการในพื้นที่ และความต้องการของประชาชน
เช่น การให้ความสำคัญกับ อปท. เพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจ การจัดบริการสาธารณะ ลดความเหลื่อมลํ้า และการเพิ่มประสิทธิภาพ การจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน
โดยในหลักการ เห็นชอบให้ สำนักงบประมาณ นำร่องในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของ อปท. ในการถ่ายโอนภารกิจ รวมทั้งการจัดบริการสาธารณะระดับท้องถิ่น เพื่อลดความเหลื่อมลํ้า ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับวงเงินงบประมาณจำนวน 5 พันล้าน - 1 หมื่นล้านบาท ซึ่ง อนุฯ ก.ก.ถ. ชุดนี้ ไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้จากงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ในสัดส่วนของ อปท. หรือเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้ อปท. ตามปกติ
และให้ สำนักงบฯ พิจารณาทดลองหรือทดสอบ “นวัตกรรมนำร่อง” ในการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวโดยให้ใช้จากงบประมาณในสัดส่วนของรัฐบาล
โดยตามหลักการ โดยให้ อปท.ที่มีความประสงค์ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการ/รายการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจที่มีวงเงินตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป สมทบเงินนอกงบประมาณ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 10
ตามแนวทางที่ สำนักงบฯ ได้ถือปฏิบัติ เว้นแต่ อปท.ที่มีความจำเป็นและไม่มี สถานะทางการเงิน การคลัง และเงินสะสมเพียงพอ
ให้ สำนักงบฯ พิจารณา “ยกเว้น” การสมทบเงินนอกงบประมาณ หรือสมทบเงินนอกงบประมาณ ในสัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 10
สำหรับโครงการ/รายการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ที่มีวงเงินงบฯ ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป
ทั้งนี้ ให้ อปท. สมทบเงินนอกงบประมาณตามวงเงินของโครงการ ในสัดส่วน ดังนี้
วงเงินของโครงการตั้งแต่ 50 ล้านบาท แต่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท สมทบไม่น้อยกว่าร้อยละ 15
วงเงินของโครงการตั้งแต่ 200 ล้านบาท แต่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท สมทบไม่น้อยกว่าร้อยละ 20
วงเงินของโครงการตั้งแต่ 500 ล้านบาทขึ้นไปสมทบไม่น้อยกว่าร้อยละ 25
สำหรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว เพื่อให้ อปท. ขนาดเล็ก ที่มีสถานะทางการเงิน การคลัง และเงินสะสมไม่เพียงพอ จะไม่มีโอกาสได้รับการสนับสนุนหรือได้รับจัดสรรงบประมาณ รวมทั้งเกิดภาระในการบริหารงบประมาณของ อปท. เพิ่มขึ้น
การกำหนดให้ อปท. สมทบเงินนอกงบประมาณ จึงควรพิจารณาให้ อปท. ที่มีความจำเป็นและไม่มีสถานะทางการเงิน การคลัง และเงินสะสมเพียงพอนั้น ได้รับยกเว้นการสมทบเงินนอกงบประมาณ หรือสมทบเงินนอกงบประมาณในลัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 10
สำหรับ อปท. ที่มีสถานะทางการเงิน การคลัง และเงินสะสมเพียงพอ ควรสมทบเงินนอกงบประมาณในสัดส่วน สูงสุดไม่เกินร้อยละ 25
สำหรับ เงินนอกงบประมาณ ตามความหมายของกรมบัญชีกลาง หมายถึง เงินทั้งปวงที่อยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการ นอกจากเงินงบประมาณรายจ่าย เงินรายได้แผ่นดิน เงินเบิกเกินส่งคืน และเงินเหลือจ่ายปีเก่าส่งคืน
โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้เกิดความคล่องตัวของการบริหารเงินนอกงบประมาณ เพื่อจัดหาบริการสาธารณะตามภารกิจของรัฐสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ และมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น.