วันนี้(13 ม.ค.)น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาเรื่องเด็กถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกังวล ในคณะกรรมาธิการก็ต้องนำมันวิเคราะห์ว่า สาเหตุมันเกิดจากอะไร เป็นเพราะอะไร ถึงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งหนึ่งที่ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญก็คือ สถาบันครอบครัว ถ้าสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับเด็กได้ อาจจะเป็นจุดเล็ก ๆ แต่เป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างหรือลดปัญหาในสังคมได้ ปัญหาของเด็ก ๆ วันนี้ส่วนมากก็จะเกิดจากปัญหาครอบครัวที่ไม่ค่อยสมบูรณ์สักเท่าไหร่ และในช่วงสองปีที่ผ่านมาเราประสบปัญหาโควิด ทำให้เกิดความห่างไกลจากสถาบันโรงเรียนหรือครอบครัวจึงทำให้เด็กมีการใช้ชีวิตส่วนตัวหรือความคิดที่อิสระ ไม่ได้มีการให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นระหว่างกัน จึงทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา
น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ในยุคนี้เราต้องยอมรับว่า ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เด็กมีความคิดที่เปลี่ยนไปแล้ว เราจะให้เขาอยู่ในกรอบอย่างเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้เด็กพัฒนาไปเร็วมากในหลาย ๆ เรื่อง โดยที่ประชุม กมธ.ได้มีการพิจารณาถึงรายละเอียดของ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนปีพ.ศ. 2550 ที่หลายฝ่ายมองว่า ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเนื่องจากว่า กฎหมายบางข้อไม่สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว รวมไปถึงกฎหมายความรุนแรงในครอบครัวด้วย
“ส่วนตัวตนอยากจะให้ประเทศไทยยกระดับเรื่องการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติเด็กในต่างจังหวัด กับเด็กในเมืองหลวง การศึกษาก็จะแตกต่างกันมาก เราจะทำยังไงให้เขามีโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม ได้รับโครงสร้างหรือหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมือนกันจริงๆทั่วประเทศ การเข้าถึงไม่ว่าจะเป็นเด็กชายขอบ หรือเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยต้องจะได้รับการศึกษาที่เหมือนกันจริงๆหรือเรื่องการเรียนฟรี ก็ยังไม่ได้เรียกว่าเรียนฟรีจริง ๆ เพราะยังมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นอีก เพื่อที่จะลดความเหลื่อมล้ำ ก็ควรให้มีการเรียนฟรีที่ฟรีจริง ๆ เพราะบางครอบครัวภาระค่าใช้จ่ายหรือรายได้ไม่เพียงพอที่จะเข้าถึงการศึกษา”น.ส.พิมพ์พร กล่าว