ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หวานเจี๊ยบบบบบ...คลิปหลุด เสียง "ตำรวจใหญ่" อวดสัมพันธ์ไม่ธรรมดา "บิ๊ก ป.ป.ช." เสกคดีได้ดั่งใจปรารถนา!!?
ไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผู้นี้
เพราะ เวลานี้มีคลิปเสียงที่หลุดว่อนเน็ตออกมา เจ้าตัวเจ้าของเสียงโชว์พาวด์ อวดเบ่งบารมีอำนาจ กลางวงประชุมมอบนโยบายผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
คลิปไม่ยาว ราว 40 วินาที แต่จัดว่าเด็ด ใครได้ยินได้ฟังใจความ สิ่งที่ “บิ๊กตร.”คนนี้เบ่งกล้ามด้วยความอหังการ ต่างก็จะต้องตกใจ พอตั้งสติได้คงต้องถามกันละว่า... อย่างนี้กระบวนการยุติธรรมจะเหลืออะไร?
เสียงตาม “คลิป” ระบุว่า ตัวเองไม่กลัวการตรวจสอบใดๆ แม้กระทั่งด่าน “ป.ป.ช.” สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ข้าราชการทุกคนกลัว แต่ไม่ใช่สำหรับตนเอง เพราะเรื่องจาก ป.ป.ช. ในที่สุดก็ต้องถูกส่งกลับมาถึงตนเอง
เรียกว่า จะเสกลมสั่งฟ้า จะให้ทำคดีไหนช้าหรือเร็ว คดีไหนไปต่อหรือพอแค่นี้ก็ทำได้ดั่งตามใจปรารถนา!!
ดังความตอนหนึ่ง ที่ว่า "เออ ไล่ออกปลดออกนะ แต่อาญาน่ะมันติดคุกนะ แต่คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมส่ง ป.ป.ช. เนี่ย ป.ป.ช.ไม่ทำเรื่องคุณหรอก เดี๋ยวป.ป.ช. ส่งมาให้ผมกลับ มาทำเองนะ เออ! คุณไม่ต้องกังวล เร็วแน่นอน ทุกเคสที่ผมทำไม่มีป.ป.ช. รับหรอก แต่มีการพูดตรวจสอบทรัพย์สิน ตอนนี้ “ท่านXX” เขาตั้งเรื่องแล้ว นี่เรียกนายเวรเข้าไปด้วยคนหนึ่ง..."
ควรรู้ว่า ที่ผ่านมา นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายนี้มีคดีที่ตัวเองถูกกล่าวหา และกล่าวหาผู้อื่นอยู่ในกระบวนการตรวจสอบชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.
ในรั้วปทุมวัน รู้กันทั้งสำนักงานว่า “บิ๊กตร.” ผู้นี้เปลือกนอกพูดจาอ่อนหวาน กริยาอ่อนน้อม จัดอยู่ในประเภท “สายหวาน” ถึง “หวานเจ๊ยบ” แต่พฤติกรรมลับหลังกลับเป็นไปในลักษณะ “ซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้ม” จึงเพาะสร้างศัตรูไว้สี่ทิศแปดด้าน แทนที่จะ “หักคนพาล” อภิบาลคนดี เขากลับเลือก “หักหลัง” แม้กระทั่ง “ผู้มีพระคุณ” ที่เคยสนับสนุนให้เติบโตพรวดพราดผงาดขึ้นมาใหญ่ในเส้นทางสีกากี ก็เจอมากับตัว
ว่ากันว่า ที่ “บิ๊กตร.” ผู้นี้ไม่กลัวเรื่องมีคดีที่ป.ป.ช. ซึ่งก็อาจจะรวมไปถึงใช้ป.ป.ช.เป็นอาวุธประหารศัตรูด้วยหรือไม่ ก็น่าสงสัย!?
แถมเจ้าตัวก็ชอบพูดว่า มีความสนิทสนมเป็นพิเศษกับ “บิ๊กป.ป.ช.” บอร์ดคนสำคัญ
ระดับคีย์แมนในการทำคดีใหญ่ๆ บุคคลสำคัญหลายคดี ฝังรากลึกอยู่ในตำแหน่งบอร์ดป.ป.ช. มายาวนาน เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มี “หลักฐาน” เป็นประจักษ์ออกมาสู่สังคมว่า ทั้งสองคนสนิทสนมกันแค่ไหน
คราวครั้งนี้จะด้วย ลุแก่อำนาจ หรือ โชว์พาวด์ ที่เป็นนิสัยแก้ยาก จึงโพล่งออกมากลางวงประชุม พี่น้องตำรวจด้วยกัน แล้วแพร่ไปในสังคมโซเซียลฯ จึงกลับกลายเป็นหลักฐานยืนยัน ความสนิทสนมระหว่าง ตัวเอง กับบอร์ดป.ป.ช. “ท่าน XX” คนนั้น
คลิปเสียงหลุดนี้ กำลังเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ทั้งภายใน ป.ป.ช. และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้างอย่างหนาหู ถึงข้อมูลสำคัญที่ "นายตำรวจใหญ่" มิได้เพียงแค่มีความสัมพันธ์อันดีกับแค่ กรรมการป.ป.ช. เพียงคนเดียว แต่ยังมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเหล่า ข้าราชการระดับผู้อำนวยการสายงานใหญ่ในป.ป.ช. ซึ่งทำหน้าที่คอยเป็น “กุนซือ” ให้ในเรื่องการแจกแจงทรัพย์สิน และคดีอื่นๆด้วย
งานนี้ต้องวาน “บิ๊กต่อเฟรนลี่” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผบ.ตร. ช่วยปัดเป่าข้อสงสัยเรียกตัว “บิ๊กตร.” นายนี้มาสอบถาม จริงหรือไม่ตามคลิปเสียงที่หลุด
ระดับ ผบ.ตร. ฟังเสียงในคลิปก็น่าจะหาตัวเจ้าของเสียงได้ไม่ยาก แต่จะยากก็ตรง ผบ.ตร.เป็นคนเฟรนลี่ จะไม่เอาจริงเอาจัง เหมือนช่วงมีกระแสดรามา ขับเคี่ยวชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. กับ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งจบลงด้วยความเฟรนลี่ของ “บิ๊กต่อ” พี่คนนี้มีแต่ให้ !
ส่วนป.ป.ช.เองก็ควรต้องเคลือนไหวตรวจสอบด้วยเช่นกันว่า “ท่านXX” เป็น บอร์ดป.ป.ช.คนไหน? ที่ “บิ๊กตร.” เอ่ยอ้างมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
เพราะหากว่า สตช.และป.ป.ช. เมินเฉยกับเรื่องนี้ สังคมคิดได้อย่างเดียวว่า เป็นการปกป้องพวกพ้องมากกว่าจะเห็นแก่ “องค์กร” เห็นแก่ประชาชน และประเทศชาติ
เชื่อได้เลยว่า คลิปเสียงนี้ จะถูกตั้งคำถามถึงการทำงานของ ตำรวจ และป.ป.ช. ถึงการเล่นพรรคเล่นพวก ความโปร่งใส การตรวจสอบคดีต่างๆ ในป.ป.ช. ทั้งที่ผ่านมาแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า เชื่อถือได้100% หรือคนถูกกล่าวหาได้รับความยุติธรรมเพียงพอ หรือ กระทำไปเพื่อกำจัดศัตรูให้ได้รับโทษทัณฑ์ติดคุกติดตะราง
ตำรวจใหญ่สมคบกับบอร์ดป.ป.ช. บิดเบือนคดี -สร้างเรื่อง -ข่มขู่พยาน -ยัดข้อกล่าวหาคนอื่น เรื่องใหญ่เทียมฟ้าแบบนี้ สตช.และ ป.ป.ช. ต้องเต้นแล้ว !
** สว.จะซักฟอกรัฐบาลทิ้งทวน หรือขอใช้เวทีสภาหาแสงทิ้งท้าย!!
หลังจากแพลมออกมาว่า สว.เตรียมจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เป็นการทิ้งทวนก่อนที่วุฒิสภาชุดนี้จะหมดวาระ 11 พ.ค.นี้
วานนี้ (8ม.ค.) กมธ.การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ซึ่งมี “เสรี สุวรรณภานนท์” ก็ได้มีการหารือถึงเรื่องนี้ และมีมติว่า จะยื่นญัตติดังกล่าว ต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา
แต่การจะยื่นญัตติให้มีผลนั้นจะต้องให้สว.มาเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา หรือประมาณ 84 คน จึงจะดำเนินการได้ ซึ่ง “สว.เสรี”จะเริ่มล่าชื่อกันตั้งแต่วันนี้
สำหรับเรื่องที่จะอภิปราย มีการตั้งเอาไว้ 7 ประเด็น ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การปฏิรูป การแก้รัฐธรรมนูญ และแน่นอนว่าถ้าจะเรียกเรตติ้ง ก็ต้องมีเรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่บังคับใช้กฎหมายไม่เท่าเทียม เป็นเรื่อง 2 มาตราฐาน รวมทั้งเรื่อง ดิจิทัลวอลเล็ต
ท่าทีของ สว. เท่าที่ประเมินในตอนนี้ ก็มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับการอภิปรายครั้งนี้
อย่างเช่น “สว.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม” ว่าเห็นด้วยที่จะมีการอภิปราย เพราะเป็นสิทธิ และอำนาจของผู้ที่ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย สส. หรือ สว. เพราะเป็นผู้แทนของประชาชน และเรายังมีหน้าที่ในการออกกฎหมาย ติดตามการบังคับใช้กฎหมาย และกำกับการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะเดียวกันเราก็สามารถเสนอแนะให้กับรัฐบาล ในเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และรัฐบาลเอง
มีหลายเรื่องที่ประชาชนคลางแคลง สงสัย ไม่มีพื้นที่รับฟังคำอธิบาย ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะได้ใช้เวทีสภาฯ อธิบายผ่านวุฒิสภา ไปสู่ประชาชนได้
ขณะที่ “สว.กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ” เห็นว่า เรื่องระยะเวลาในการทำงานของรัฐบาล ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ ไม่ว่ารัฐบาลจะอยู่กี่วัน หากทำไม่ดี ก็มีค่าเท่ากัน ดังนั้นจะมาบริหาร 3-4 เดือน หรือ 3-4ปี ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของรัฐบาล ว่าบริหารประเทศชาติได้ดีหรือไม่ หากทำไม่ดีเพียง 1 วัน ก็แพงเกิน
จากการพูดคุยกันกับเพื่อน สว. ก็เห็นว่าพฤติกรรมของรัฐบาลในขณะนี้มีเสียงสะท้อนเข้ามา โดยเฉพาะเรื่องของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ชั้น 14 เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ยังไม่มีใครตอบคำถามพี่น้องประชาชนที่สงสัยได้เลย ดังนั้น สิ่งที่ยังปกปิดอยู่ จะต้องมีความชัดเจนต่อประชาชนให้ได้
ด้าน “เสธ.อู้” พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สว. บอกว่า ตอนนี้ญัตติขอเปิดอภิปราย ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ยังไม่เห็นรายละเอียดว่า สว. ส่วนใหญ่ ติดใจเรื่องอะไร จึงต้องขอความชัดเจนก่อน เพราะต้องใช้รายชื่อ สว. 84 คน ลงนามเพื่อเปิดขอเปิดอภิปราย ซึ่งถือว่าไม่ใช่จำนวนที่น้อย
...ก่อนหน้านี้ก็ได้พูดคุยกับเพื่อน สว. บางคนบอกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วทำงานมา 4 ปี ทำไม สว.ไม่เปิดอภิปรายเลย รัฐบาลชุดนี้ทำงานมา 3 เดือนกว่า กลับจะเปิดอภิปรายแล้ว ดังนั้นก็ต้องดูประเด็นว่าจะใช้มาตรานี้หรือไม่ ถ้าจะให้ดี ขอให้สิ้นปีงบประมาณนี้ไปก่อน แต่สว.ชุดนี้ก็คงไปก่อนเหมือนกัน ส่วนตัวมองว่าการเปิดอภิปรายตอนนี้ยังเร็วไป
ส่วน “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน พูดถึงเรื่องที่ สว.เตรียมตั้งแท่นอภิปรายว่า ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารอยู่แล้ว ถ้าเกิดฝ่ายนิติบัญญัติ หรือฝ่ายตรวจสอบ ต้องการความกระจ่าง หรืออะไร เราก็ต้องชี้แจง ซึ่งเป็นไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าการทำงานจะเพิ่งผ่านไปแค่ 4 เดือน ถ้าถือว่ามันเป็นหน้าที่ ก็ไม่เกี่ยวกับจำนวนเดือน หรือจำนวนวัน รัฐบาลมีความพร้อมและยินดี
แน่นอนว่าการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายรัฐบาลครั้งนี้ ก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ในเชิงเปรียบเทียบตามมาว่า ทีรัฐบาล “ลุงตู่” อยู่มา 8-9 ปี ส.ว.ชุดนี้ ไม่เคยคิดแตะ แต่ “รัฐบาลเศรษฐา” เพิ่งทำงานมาแค่ 4 เดือน ก็จะขอเปิดอภิปรายเสียแล้ว และการขอเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา153 ก็ไม่ได้มีผลที่จะโค่นล้มรัฐบาล
นี่กะจะเปิดซักฟอกทิ้งทวน หรือขอใช้เวทีสภาหาแสงทิ้งท้ายกันแน่... ว่าแต่จะล่าชื่อได้ครบ 84 คนหรือไม่ ต้องรอดูกัน !!