“เลิศรัตน์” เผย วุฒิสภาจ่อตั้ง กมธ.ศึกษางบฯ 67 คู่ขนาน กมธ.ฝั่งสภาผู้แทนฯ คาดแล้วเสร็จปลายเดือน เม.ย. แนะรัฐบาลทบทวนแจกเงินดิจิทัล มองเศรษฐกิจยังไม่เลวร้ายขนาดหนัก
พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. เปิดเผยว่า เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 กระบวนการถือว่าช้ามาก ทำให้มีเวลาทำงานน้อย ตามกำหนดการต้นเดือน เม.ย. จะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรในช่วงต้นสัปดาห์ และต้องส่งให้ ส.ว. พิจารณาให้เสร็จภายในวันที่ 9-10 เม.ย. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประมาณวันที่ 17 เม.ย. กรอบเวลาของ ส.ว. ในการพิจารณามีน้อยมาก แค่ 6-7 วัน ด้วยเหตุนี้ ประธานวุฒิสภาจึงมีดำริให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 โดยในส่วนของวุฒิสภาจะตั้งพรุ่งนี้เช้า (9 ม.ค.) จำนวน 41 คน มีทั้งจาก กมธ. วิป และมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก 5 คน และจะเริ่มประชุมตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. คู่ขนานไปกับ กมธ. ของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจะช่วยให้ส่วนราชการด้วยได้มาชี้แจงคู่ขนานกันไปอย่างสะดวก
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวต่อว่า ประมาณวันที่ 20 มี.ค. กมธ. ของ ส.ว. ก็จะจบการพิจารณา พร้อมกับ กมธ. ของสภา จากนั้นจึงเข้าสู่การแปรญัตติ และนำเข้าสู่วุฒิสภาเพื่อเปิดอภิปรายงบประมาณในวันที่ 9 เม.ย. ต่อไป เพื่อให้ข้อเท็จจริงและรู้รายละเอียดเพียงพอ ซึ่งตอนนี้ทยอยแจกเอกสารรายละเอียดไปแล้ว เพื่อให้สมาชิกทยอยมารับ
สำหรับภาพรวมของงบประมาณ ปี 2567 พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า แม้จะมีข้อจำกัดมาก แต่รัฐบาลก็ดันวงเงินไปได้ถึง 3.48 ล้านล้านบาท ประเด็นแรกมองว่างบลงทุนเพียง 20% อาจไม่มากพอที่จะผลักดันประเทศให้พ้นจากปัญหา รวมถึงการดัน GDP ให้ถึง 5% ตามที่รัฐบาลมุ่งหวัง ด้วยงบที่จัดสรรมาอาจยังน้อยไป รวมถึงเข็มมุ่งในทางนโยบายของรัฐบาลก็ยังไม่สะท้อนออกมาในงบประมาณเท่าที่ควร ส่วนใหญ่งบทั้งหมดจะเพิ่มขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมา จึงเป็นการกระจายออกไปทั่ว ดังนั้น การผลักดันนโยบายต่างๆ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็ต้องไปหวังพึ่งกลไกภายนอก เช่น พ.ร.บ.เงินกู้ จึงได้แต่หวังว่างบประมาณปี 2568 ที่จะออกมาไม่นานนี้ จะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น
ส่วนแนวโน้มของดิจิทัลวอลเล็ต พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ก็คงต้องรอวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ที่รัฐบาลจะออกมาชี้แจงว่าคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นอย่างไร แต่ก็ยังมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ตอนที่รัฐบาลคิดนโยบายนี้อาจจะยังอยู่ในสภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ จึงกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินให้ประชาชนไปใช้สอย ซึ่งหลายประเทศในโลกก็ทำ
“แต่ถึงวันนี้ วิกฤตของเศรษฐกิจก็ยังไม่เลวร้ายนัก เงินเฟ้อต่างๆ ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์โลกประมาณการไว้ ดังนั้น การจะเอาเงิน 500,000 ล้านบาท ไปแจกประชาชน หากปีหน้าหรือปีถัดไปเกิดขึ้นมาก็จะเป็นปัญหา จึงอยากให้รัฐบาลคิดอีกครั้งว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปหรือไม่” พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว