"วิสุทธิ์" เตรียมนำทีมกมธ.ลงพื้นที่ชุมพร-ระนอง ดูโครงการแลนด์บริดจ์ ด้าน ฝ่ายความมั่นคง หวั่นเป็นจุดยุทธศาสตร์สู้รบ เอกชน ติงรายงานผลการศึกษายังไม่รอบด้าน
วันนี้ (31ธ.ค.) ผู้สื่อข่างรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) ที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุน ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชุมพร และระนอง เพื่อศึกษาพื้นที่ที่คาดว่าจะเป็นจุดก่อสร้างของโครงการแลนด์บริดจ์ พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ หลังจากเทศกาลปีใหม่
ทั้งนี้ ตลอดการประชุมทั้ง 9 ครั้งที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็น โดยเฉพาะสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. ซึ่งให้ข้อมูลว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันให้กับประเทศ เช่น การช่วยให้ระยะเวลาการขนส่งสินค้าระหว่างชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามันลดลง พร้อมกับช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจภาหลังการก่อสร้างโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของนิคมอุตสาหกรรมตลอดเส้นทางการคมนาคมของโครงการแลนด์บริดจ์
ขณะที่ ตัวแทนจากฝ่ายความมั่นคงโดยเฉพาะผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร แสดงความคิดเห็นว่า ในฐานะฝ่ายความมั่นคงคงไม่อาจให้ข้อมูลในเชิงเศรษฐกิจได้ แต่ในมิติของความมั่นคงนั้นมีประเด็นที่ต้องพิจารณาให้รอบด้าน คือ ถ้าในอนาคตเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ เช่น การทำสงครามขนาดใหญ่ อาจทำให้พื้นที่ของโครงการแลนด์บริดจ์ที่มีเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมการเดินทางระหว่างสองชายฝั่งทะเล อาจเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งเป็นกรณีศึกษาที่ควรวิเคราะห์อีกครั้ง
ในประเด็นเรื่องของความมั่นคงนั้น กรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่า หากมหาอำนาจประเทศใดประเทศหนึ่งได้รับสัมปทานในการบริหารท่าเทียบเรือโครงการแลนด์บริดจ์ในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ จะมีผลต่อการกำหนดแนวทางการบริหารโครงการดังกล่าวอย่างไร โดยเฉพาะกรณีการให้สิทธิแก่บางประเทศในการนำเรือรบเข้ามาซ่อมบำรุงในพื้่นที่ ซึ่งประเด็นนี้ ผู้แทนกองทัพเรือ ให้ความเห็นว่า การใช้ท่าเทียบเรือสำหรับกรณีที่เกี่ยวข้องกับเรือรบนั้น ตามหลักการประเทศใดนำยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่จะต้องผ่านขั้นตอนทางการทูตก่อน รวมทั้งต้องเงื่อนไขในข้อสัญญาที่ต้องทำร่วมกันด้วยว่ากำหนดเงื่อนไขไว้เป็นประการใด
ด้าน ผู้แทนจากสมาคมเจ้าของเรือไทย ให้ข้อมูลว่า รายงานการศึกษาเกี่ยวกับโครงการแลนด์บริดจ์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ยังขาดประเด็นสำคัญ คือ การขนส่งสินค้าทางทะเลนั้นไม่ได้มีเฉพาะการใช้ระบบคอนเทนเนอร์เท่านั้น แต่ยังมีระบบขนส่งสินค้าที่ไม่อาจขนส่งด้วยระบบคอนเทนเนอร์ได้อีกด้วย เช่น ปูน เมล็ดธัญพืช ซึ่งรายงานของสนข.ยังขาดความชัดเจนในเรื่องนี้ว่าสินค้าที่ไม่อาจขนส่งด้วยระบบคอนเทนเนอร์จะผ่านโครงการแลนด์บริดจ์เท่าใด ทำให้การประมารณ์การของสนข.อาจไม่ครบถ้วน
จากนั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญได้เชิญตัวแทนเครือข่ายผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์มาให้ข้อมูล ซึงตัวแทนเครือข่าย นำเสนอว่าสนข.ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนอย่างรอบด้าน เพราะส่วนใหญ่เป็นการเชิญเฉพาะประชาชนในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิเข้ามารับฟังข้อมูลเท่านั้น ขณะที่ประชาชนที่ไม่มีเอกสารในที่ดินกลับไม่ได้รับโอกาสดังกล่าว ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ต่างมีความเห็นตรงกันว่าโครงการนี้อาจไม่คุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ ภาคประชาชนในพื้นที่เห็นควรให้ภาครัฐทบทวนโครการนี เพื่อให้เกิดความรอบคอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายแล้ว จะนำมาพิจารณาเพื่อร่วมกันนำเสนอเป็นรายงานที่จะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป