xs
xsm
sm
md
lg

"ไหม" ชี้มีนัยยะ "ภูมิธรรม" ปธ.กมธ.งบไม่ได้คุมศก. โบ้ยงบ 67 มรดกหนี้รบ.บิ๊กตู่เอาใจขรก. โวไม่ผิดหวังซักฟอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ศิริกัญญา" มอง "ภูมิธรรม" นั่งปธ.กมธ.งบฯทั้งที่ไม่ได้คุมเศรษฐกิจ มีนัยยะทางการเมือง เปรียบงบปี 67 เป็นมรดกหนี้รัฐบาล "ประยุทธ์" จัดงบเอาใจ ขรก.มากกว่าทำตามนโยบายที่หาเสียง จัด 33 ขุนพลอภิปรายงบ รับรองก้าวไกลไม่ทำให้ผิดหวัง

วันนี้ (30 ธ.ค. 66) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติส่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่าการที่นายภูมิธรรม นั่งเป็นประธาน กมธ.งบฯ เองอาจจะบัญชาการ หรือสั่งการอะไรอย่างเข้มข้นแน่นอน ทั้งที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ไม่ใช่รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หากจะเป็นนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ คงจะไม่น่าแปลก

ส่วนจะมองว่าการที่นายภูมิธรรม นั่งเป็นประธาน กมธ.งบฯ อาจเป็นเพราะนายกรัฐมนตรี ไม่ไว้ใจคนอื่นหรือไม่ อาจไม่ถึงขนาดนั้น แต่อาจเป็นวาระพิเศษที่ต้องส่ง ภนายมิธรรม มาควบคุมด้วยตนเอง อาจเป็นนัยยะทางการเมือง ไม่ใช่นัยยะตามปกติ โดยธรรมชาติแล้ว รัฐมนตรีจะไม่ได้มานั่งเป็นประธาน กมธ. ด้วยตนเองอยู่แล้ว อย่างรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง นั่งเป็นประธาน ก็เจอหน้าน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเจอนายวราเทพ รัตนากร รองประธาน กมธ.งบฯ ณ ขณะนั้นมากกว่า

ส่วนจะพูดเรื่องนี้ในระหว่างการอภิปรายงบฯ หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่าใครจะเป็นประธาน กมธ.งบฯ ก็ต้องยอมรับ และไปโหวตอีกทีในชั้น กมธ. แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นปัญหามากขนาดนั้น อาจจะต้องทดลองใช้ก่อน หากมีปัญหาอย่างไรจะเอามาเล่าให้ฟัง

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า พรรคก้าวไกลได้ศึกษาวิเคราะห์งบประมาณ โดยตั้งธีมอภิปรายไว้ว่า "วิกฤตแบบใด? ทำไมถึงจัดงบแบบนี้" โดยก่อนที่จะเข้าสู่อำนาจพรรคเพื่อไทยได้อ้างถึง 3 วิกฤต ได้แก่ วิกฤตเศรษฐกิจปากท้อง วิกฤตรัฐธรรมนูญ วิกฤตความขัดแย้ง รวมถึงวิกฤตอื่น ๆ ที่สังคมเห็นตรงกัน เช่น วิกฤตการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ วิกฤตสิ่งแวดล้อม PM2.5 ซึ่งเมื่อศึกษาและวิเคราะห์งบประมาณกลับไม่เห็นการจัดงบที่ตอบสนองกับวิกฤตที่เกิดขึ้น และยังมีงบที่ไม่เหมาะไม่ควรอยู่ ทั้งยังมีงบบางอย่างที่หายไป

เราต้องการเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เราไม่เห็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจเลย โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ไม่อยู่ในงบประมาณปี 67 แต่ต้องไปรอลุ้น พ.ร.บเงินกู้ฯ ด้านวิกฤตรัฐธรรมนูญ ตั้งงบประชามติไว้เพียงแค่ครึ่งประชามติ ไม่เพียงพอ รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จำเป็นต้องรับมรดกหนี้จากรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งหนี้สาธารณะ ต้องใช้เงินคงคลัง เนื่องจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ตั้งงบไว้ไม่เพียงพอ เช่น งบบุคลากรเงินเดือนข้าราชการในปี 65 และ 66 ซึ่งตั้งไว้ไม่พอ ตอนนี้ต้องใช้หนี้เงินคงคลัง 120,000 ล้านบาท นายเศรษฐา ต้องใช้หนี้พลเอกประยุทธ์ที่ผ่อนดาวน์ไว้ราว 400,000 ล้านบาท เราก็เห็นใจ แต่งบประมาณที่สามารถจัดสรรได้เองกลับไม่เห็นความพยายามในการขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้เลย

เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่ในปี 67 มีโครงการใหม่แค่ 200 โครงการจากทั้งหมด 2,000 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าเพียง 13,000 ล้านบาท งบประมาณฉบับนี้เป็นการใช้หนี้มรดกของพลเอกประยุทธ์ ไม่สะท้อนถึงความพยายามในการจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนงบของตนเอง งบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากรัฐบาลเดิม จึงขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่าระยะเวลาเป็นหนึ่งปัจจัยที่ไม่สามารถใส่โครงการใหม่ได้ แต่งบฉบับนี้มีการแก้ไขปรับปรุงตลอดเวลา ดังนั้นหากมีการเตรียมการล่วงหน้าหรือเขียนโครงการเอาไว้แล้ว ถึงเวลาจัดสรรงบก็สามารถใส่ไปได้เลย แม้งบปี 67 จะมีการปรับปรุงไปแล้ว 1 ครั้ง แต่เป็นการลดหนี้ลดเงินที่ต้องชำระหนี้ ธ.ก.ส. 20,000 ล้านบาท ไปเพิ่มในกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 15,000 ล้านบาท และเพิ่มกองทุน SMEs อีก 5,000 ล้านบาท ดังนั้นจะบอกว่าเวลาน้อยปรับปรุงไม่ทันก็ฟังไม่ค่อยขึ้น

นางสาวศิริกัญญา มองว่ารัฐบาลชุดนี้ยังไม่คุ้นชินกับการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะคุ้นชินกับการบริหารบริษัทเอกชน จึงยังไม่สามารถขับเคลื่อนข้าราชการให้ทำตามที่ได้มอบหมายไว้ได้ นอกจากนี้การเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล จึงเป็นผลให้ต้องประนีประนอมกับพรรคร่วมรัฐบาลและหลายฝ่าย โดยโครงการเรือธง เช่น ขึ้นค่าแรง และการแจกแท็บเล็ต ก็ไปอยู่ในมือของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้

ทั้งนี้งบประมาณของกระทรวงกลาโหม ถือเป็นสิ่งที่น่าผิดหวัง ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ว่าจะตัดลบงบประมาณลง 10% แต่ปี 67 งบเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่กระทรวงมหาดไทย สัดส่วนงบประมาณเยอะเนื่องจากต้องจัดงบเพื่อกระจายอำนาจสู่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการปรับปรุงเงินอุดหนุนต่าง ๆ

"เราคาดหวังมาก เพราะนี่เป็นในรอบ 9 ปี ที่ได้เปลี่ยนผู้นำรัฐบาล คาดหวังว่ารัฐบาลจะได้จัดสรรงบแบบใหม่เพื่อให้เราขับเคลื่อนนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน ปีนี้ขึ้นปีที่ 10 เราก็ยังเจองบประมาณแบบเดิมอยู่"

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นห่วงว่าจะไม่ได้ทำ ต้นปีหน้ากฤษฎีกาน่าจะให้ความกระจ่างว่าจะทำได้หรือไม่ การเอาไข่ไปไว้ในตะกร้าเดียว ฝาก ความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจไว้ที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเพียงโครงการเดียว และเอาออกไปอยู่นอกงบประมาณรายจ่ายประจำปี หากทำไม่ได้ งบประมาณสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีเพียงงบกลางเท่านั้น ซึ่งในงบกลางมีการจัดสรรไว้ไม่เพียงพอ มีหลายรายการที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอก็ต้องมาใช้งบกลางอีก เช่น งบอุดหนุนรถยนต์ EV ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องวางแผนล่วงหน้าให้ดีกว่านี้

สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายงบประมาณ จะตกลงเวลากับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ตอนนี้รอให้พรรคประชาธิปัตย์ทำการบ้านเสร็จก็จะจัดคิวการอภิปราย เราอยากให้คนที่พูดเรื่องเดียวกัน อภิปรายใกล้ ๆ กัน รัฐมนตรีจะได้ฟังทีเดียวและตอบทีเดียว เพราะไม่อยากให้รัฐมนตรีมาตอบทีละคำถาม โดยขุนพลของพรรคก้าวไกล 33 คน ไม่มีใครอภิปรายเรื่องซ้ำกัน แต่ละคนเป็นการอภิปรายเชิงประเด็น ไม่ใช่อภิปรายเป็นรายกระทรวง เรื่องหนึ่งที่ สส.คนหนึ่งพูดต้องมีรัฐมนตรีหลายคนเข้ามานั่งฟัง ไม่ใช่นั่งฟังเฉพาะกระทรวงตนเอง

สำหรับการอภิปรายงบประมาณจะเปิดด้วยภาพรวมเศรษฐกิจ ตามมาด้วยวิกฤตเศรษฐกิจเพราะประชาชนเฝ้ารอว่ารัฐบาลที่ขึ้นชื่อว่าเก่งในด้านบริหารเศรษฐกิจ จะทำให้เศรษฐกิจประเทศนี้โตได้อย่างไร จากนั้นจะอภิปรายเรื่องวิกฤตความขัดแย้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ วิกฤตกองทัพ วิกฤตการศึกษา วิกฤตทรัพยากรมนุษย์ และงบประมาณ Soft Power ซึ่งต้องดูรายละเอียดประกอบกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อจัดเวลาในการอภิปรายอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับการศึกษางบประมาณปี 67 ที่มีเวลาน้อยเพียง 7 วันและคาบเกี่ยวช่วงปีใหม่ ตามปกติ สส.ต้องไปพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จำเป็นจะต้องยกเลิกนัดหมายไป เป็นความฉุกละหุกที่เกิดขึ้น ทำให้เรามีเวลาน้อยและต้องทำงานให้หนักขึ้น โชคดีที่มีการแปลงไฟล์งบจาก PDF ให้เป็น Excel ทำให้เราวิเคราะห์งบประมาณได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ละเอียดขึ้น และลึกขึ้น รับรองว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ทำให้ผิดหวัง วิเคราะห์งบประมาณอย่างแหลมคม ตรงไปตรงมา และมีประสิทธิภาพ

ส่วนที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่จำเป็นต้องแปลงเป็นไฟล์ Excel สำนักงบประมาณของรัฐสภามีการทำแดชบอร์ดอยู่แล้ว แต่มีข้อมูลลึกถึงเพียงระดับหน่วยงานเท่านั้น ไม่มีรายละเอียดรายโครงการ เพราะปีศาจจะอยู่ในรายละเอียด

นางสาวศิริกัญญา ยืนยันว่าเวทีงบประมาณก็คือเวทีงบประมาณไม่ใช่เวทีซักฟอก เวทีงบประมาณถือเป็นเวทีแถลงนโยบาย 1 ปีของรัฐบาล ตอนเริ่มต้นรัฐบาลได้มาแถลงนโยบายภาพรวม 4 ปี แต่การแถลงงบประมาณถือเป็นการแถลงนโยบายในวาระ 1 ปี ดังนั้นเราจะเจาะ จะคุ้ย และวิพากษ์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น จะซักฟอกเฉพาะโครงการที่มีโอกาสเกิดคอรัปชั่น แต่ไม่ใช่หลักใหญ่ใจความในการอภิปราย พร้อมฝากถึงรัฐบาลให้ใส่ใจรายละเอียดในงบประมาณอย่าเพียงแค่อนุมัติ เพราะหลายเรื่องมีความสำคัญจำเป็นกับประชาชน หากตัดสินใจพลาดไปผลกระทบจะเกิดขึ้นตามมา รัฐบาลอาจให้ความไว้ใจกับข้าราชการประจำ จึงมีการจัดสรรงบประมาณแปลก ๆ ตามใจข้าราชการมากกว่าขับเคลื่อนนโยบายที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน

ทั้งนี้ในชั้นกรรมาธิการ คงมีงบบางเรื่องที่ต้องจัดสรรใหม่ ให้โครงการที่มีความจำเป็น ยกตัวอย่างโครงการส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง ซึ่งถูกตัดงบเหลือ 0 บาท เราก็จะหยิบยกโครงการที่ถูกปัดตกโดยสำนักงบประมาณขึ้นมาพิจารณาใหม่ด้วย

โดยช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ นางสาวศิริกัญญา กล่าวกับสื่อมวลชนว่า ปีนี้คงเคานต์ดาวน์ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล เพราะต้องซ้อมย่อยอภิปรายงบประมาณ ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมเคานต์ดาวน์ด้วยกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น