วันนี้(28 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางสาวพัทธนันท์ ฤทธิ์ชัยเรืองเดช ภริยา ,นายยุทธนา แพรนคร ประธานสาขาพรรคไทยศรีวิไลย์ ประจำจังหวัดพิษณุโลก และคณะ ร่วมแจกจ่ายข้าวสารให้กับประชาชนในพื้นที่ ณ บริเวณบ้านเลขที่ 93/3 หมู่ 2 ที่ ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านพักของมารดาและยายของนายมงคลกิตติ์ พร้อมมีป้ายไวนิลระบุข้อความว่า ‘จากใจถึงใจ มอบให้คนพิษณุโลก ข้าวสาร 2 พันถุง ด้วยความห่วงใย นางรัตน์ แซ่สั่ว และนางวรรณมณี แซ่สั่ว และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ’ โดยมีประชาชนที่ทราบข่าว ต่างเดินทางมารับของแจกด้วยความดีใจ พร้อมกับกราบเท้าขอบคุณ คุณยายรัตน์ฯ ที่ทางครอบครัวของนายมงคลกิตติ์ ได้มาแจกข้าวสารเพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพที่มีอยู่ในขณะนี้
โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า วันนี้ได้ทำบุญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และเป็นวันเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปราบดาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี นับว่าวันนี้เป็นวันดี จึงได้แจกข้าวสารจำนวน 2,000 ชุดประมาณ 10 ตำบล ถือเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และยังเป็นการทำบุญให้ยายรัตน์ ซึ่งเป็นยายของตนอายุ 97 ปี เรียกว่า ทำทานต่อชะตาชีวิต โดยมีลูกๆมาช่วยกัน ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ทำประโยชน์และแบ่งเบาภาระประชาชนชาวพิษณุโลก โดยคุณยายของตน นั่งรถเข็นประเดิมแจกข้าวจำนวน 9 ถุง จากนั้น ตนและทีมงานได้แจกจ่ายข้าวจนครบ 2,000 ถุง ซึ่งถือเป็นน้ำใจที่มอบให้วันที่ค่าครองชีพในปัจจุบันสูงขึ้น แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีนโยบายใดๆ ที่จะหาเงินให้กับประเทศเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนได้มอบเงินบำนาญ ส.ส. งวด ธ.ค. 2566 จำนวน 9,000 บาท เพื่อสบทบทุนทำอาหารปรุงสุก 300 ชุด ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวนราธิวาส ที่ประสบอุทกภัยอย่างหนักด้วย
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการทำงานทางการเมืองในปี 2567 นี้ ตนก็จะขอเริ่มติดตามในส่วนของรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และ การเตรียมการตรวจสอบจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหญ่กว่า 95 ลำ ของ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) กว่า 8 แสนล้านบาท ทั้งที่ การบินไทย มีกำไรแค่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท ในปี 66 ภายใต้กำกับของรัฐบาล และ ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 67 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ขาดดุลกว่า 6.93 แสนล้านบาท ซึ่งขนาดตนที่มีประสบการณ์ที่คิดว่าหัวดีสมองไวแล้ว ยังไม่สามารถใช้เวลาที่มีอยู่ก่อนถึงวันอภิปรายงบประมาณ คือ วันที่ 3 มกราคม 2567 ทำความเข้าใจและจับจุดเนื้อหาสาระสำคัญของงบประมาณฯ ปี 2567 ได้ เหมือนอย่างที่ ส.ส.หลายคนบ่นว่า ให้เวลากระชั้นชิดมากเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องฝากความหวังให้ ส.ส.ชุดปัจจุบัน ดำเนินการอภิปรายถึงความไม่ชอบมาพากลของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ฯ ที่อาจจะมีการเอื้อเพื่อประโยชน์ในการหาคะแนนเสียงทางการเมือง มากกว่าความจำเป็นเร่งด่วนของประชาชนที่รอคอยงบประมาณที่ล่าช้ากว่า 8 เดือน ที่งบประมาณจะใช้จ่ายได้