ข่าวปนคน คนปนข่าว
** "หนูตีสี่" - "รมต.สีนมเย็น"- "สมศักดิ์ มะละกอ" ฉายานี้ สื่อทำเนียบฯไม่ไดัตั้ง..แต่ได้มาเพราะตึงเอง !!
รับทราบกันไปแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้ ปีนี้ มีฉายาว่า "แกงส้มผลักรวม"
โดยคำว่า"แกง" มาจากคำแสลงของวัยรุ่นยุคนี้ ที่สื่อความหมายว่า "แกล้ง" ขณะที่ "ส้ม" ย่อมหมายถึงพรรคก้าวไกล
รวมความหมายแล้วก็ต้องบอกว่าอธิบายคุณลักษณะที่มาของรัฐบาลผสมได้เห็นภาพ
สื่อทำเนียบฯ ที่เป็นผู้ตั้งฉายายังให้ฉายารายบุคคลอีกส่วนหนึ่ง ไล่ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง "เศรษฐา ทวีสิน" เป็น เซลล์แมนสแตนด์ “ชิน” และ รัฐมนตรี "ตัวตึง" ร่วมคณะรัฐบาล อาทิ "อ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ฉายา "รองกอง" เพราะ ถูกโยนงานมากองสุมไว้
“พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม เป็น "ทวี สอดไส้" เพราะอะไร ทำไม ก็คงต้องไปถามนายใหญ่ "ทักษิณ ชินวัตร" ฉายานี้ท่านได้แต่ใดมา
“ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย ได้ฉายาว่า "มาเฟียละเหี่ยใจ" ด้วยเหตุผล ได้รับมอบหน้าที่ เป็นโต้โผปราบปราม "ผู้มีอิทธิพล"
นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สื่อทำเนียบฯ ทำกันมาเป็นประจำทุกปี เพื่อสะท้อนการทำงานของรัฐบาลและรัฐมนตรี
ส่วนคนที่ถูกตั้งฉายา โดนบ้าง ไม่โดนบ้าง ก็แล้วแต่จะคิดกันไป
อย่างเช่น "นายกฯนิด" ไม่คิดอะไรมาก ก็บอกฉายานั้นเป็นสีสัน เปรียบแกงส้ม “ผลัก”รวม เป็นรัฐบาลที่ครบรส รมต. ครบเครื่อง ที่จะทำงานให้ประชาชน...ไปนู้น
เรียกว่า เปลี่ยนฉายาให้กลายเป็นภาพบวกได้ในทันที
ว่าไปแล้วยังมีรัฐมนตรี "ตัวตึง" ที่สื่อทำเนียบฯ ไม่ได้ตั้งฉายา แต่ผลงาน 4 เดือนที่ผ่านมา ขอบอกเลยว่า จะไม่มอบให้ได้อย่างไร ?!
ยกตัวอย่าง "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย นี่เหมาะมากๆ จะเป็น "หนูตีสี่" และจาก "มท.1" ที่เรียกขานแทนตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ก็น่าจะเปลี่ยนเป็น "ลั้นลา 1"
นั่นเพราะว่า กระทรวงมหาดไทยที่ควรจะเป็นกระทรวงหลักในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมกับดูแลงานทะเบียนราษฎร์-บัตรประชาชน แต่ผลงานที่ผ่านมาปรากฏเรื่องของทุจริตเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยทำงามไส้ เห็นแก่สินบนร่วมกัน ทั้งสวมทะเบียนราษฎร์ ปลอมบัตรประชาชน ซึ่งเป็นที่มาของปัญหาต่างด้าว "จีนเทา"... "อินเดียเทา"
“อนุทิน” ในฐานะ มท.1 กลับไม่เห็นเป็นประเด็นเร่งแก้ไข ไปให้ความสำคัญกับนโยบายเปิดสถานบันเทิงยัน "ตีสี่" ขยันขันแข็ง ลงตรวจพื้นที่เหมือนนักเที่ยว ท่องราตรีคนหนึ่งไปด้วย
เรียกว่า เที่ยวไปถึงตีสี่ ลั้นลาไปด้วยกัน
อีกคนหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ "สุรพงษ์ ปิยะโชติ" รมช.คมนาคม 4 เดือนแทบจะไม่มีผลงานอะไร แถมถูกครหาว่า ซี้"เจ้าสัว" เจ้าของสัมปทานรถไฟฟ้า
เมื่อรถไฟฟ้าสายสีชมพู หรือ ชาวบ้านเรียกว่า "สายสีนมเย็น" ทำรางจ่ายไฟฟ้าหล่น ประชาชนจึงได้เห็นบทบาทของ “รมช.สุรพงษ์”ที่รับผิดชอบระบบราง
ตอนนี้ก็ใจจะเต้นตุ้มๆต่อมๆ หน่อย รถไฟฟ้าสีชมพู ดูทรงจะต้องปิดซ่อมอีกนานรออะไหล่ กำหนดการที่จะเปิดหลังปีใหม่ ก็ไม่แน่
แหม..เรื่องห่วยๆ ชุ่ยๆของงานก่อสร้างดันมาเกิดกับสายสีชมพูของ “เจ้าสัว” ที่้เห็นว่าเป็นเพื่อนซี้กัน
งานนี้ ก็ต้องถูกจับตามองจากทุกฝ่าย ว่า “รมช.สุรพงษ์” จะเอายังไง กล้าจะจัดหนักลงดาบสีชมพู หรือไม่ ? ...ตอนนี้ก็เอาฉายา " รมต.สีนมเย็น" ไปก่อนละกัน
ส่วนคนนี้ ถือเป็นเจ้าตำรับ "นอนนอกคุก" สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชั่วโมงนี้คนนินทา หมาดูถูกว่า ปูทางไว้ให้ "ทักษิณ" หรือไม่ ? ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก "สมศักดิ์ เทพสุทิน"
“สมศักดิ์” ตอนนี้กำลังโด่งดังกับคลิปที่เป็นไวรัล "น้ำต้มใบมะละกอ" รักษาโรคร้าย !!
คนที่เป็นถึงระดับรัฐมนตรี เผยสูตรลับรักษาโรคร้ายที่เป็นแล้วไม่หาย เพียงกินน้ำต้มใบมะละกอแล้วหาย เป็นใครจะไม่สนใจบ้างล่ะ?
หายไม่หายอย่างไรตามหลักการแพทย์ ก็ว่าต้องไปพิสูจน์กันแต่ขณะนี้ชาวบ้านไม่รู้ว่า “สมศักดิ์” ตกลงเป็นรองนายกฯ ดูแลเรื่องอะไรบ้าง รู้แต่ "สมศักดิ์มะละกอ" !!
งานนี้หากมีบทพิสูจน์แน่ชัด จาก “สมศักดิ์มะละกอ” จะผันเปลี่ยนเป็น "สมศักดิ์กำมะลอ" หรือเปล่าม่ายยยรู้
นี่เป็น รมต. 3 คน 3 หน้าที่ "หนูตีสี่" - "รมต.สีนมเย็น"- "สมศักดิ์มะละกอ" ฉายานี้สื่อทำเนียบฯไม่ไดัตั้ง...แต่ได้มาเพราะตึงเอง!
อ้อ! ฉายานี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เจ็บ ให้คัน หรือเอาฮา เพราะประชาชนมีรัฐมนตรีแบบนี้ ย่อมหัวเราะไม่ออก ร่ำไห้ก็ไม่ได้!
**ปชป. รอเก้อหรือเปล่า เมื่อ“เศรษฐา” บอก มี 314 เสียงพอแล้ว ขี้เกียจมาเกลี่ยเก้าอี้กันใหม่
หลังจากประชาธิปัตย์ ผลัดเปลี่ยนมาเป็นยุค “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค จับคู่กับ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค ก็มีการคาดหมายกันว่าในอนาคต ประมาณกลางปี 2567 นี้ หาก “รัฐบาลเศรษฐา” จำเป็นต้องปรับครม. เชื่อว่า “ประชาธิปัตย์” ต้องเสนอตัวเข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน
ที่เชื่อกันเช่นนั้น เพราะอย่างน้อยก็มี 2 เก้าอี้ ที่ว่างอยู่ให้เห็น นั่นคือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ก่อนหน้านี้ มีชื่อ “ทนายถุงขนม” พิชิต ชื่นบาน มือกฎหมายของครอบครัวชินวัตร ติดโผอยู่ และ เก้าอี้ รมช.พาณิชย์ ที่ “ไผ่ ลิกค์” จากพรรคพลังประชารัฐ ที่วืดในนาทีสุดท้าย
ทั้งสองเก้าอี้ถูกปล่อยว่างเอาไว้ จึงมีการตีความว่าเป็นการเก็บไว้สำหรับ “พรรคอะไหล่” ที่มีส.ส.จำนวนหนึ่งอุตส่าห์แหกมติพรรค มาโหวตหนุน “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม เมื่อสองสามวันก่อน “เสี่ยต่อ” ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการนำพาพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้ว่า ไม่อยากใช้คำว่า “กอบกู้พรรค” เพราะประชาธิปัตย์ คือสถาบันการเมือง ที่อยู่คู่กับประเทศไทย อาจจะมีขึ้นบ้าง ลงบ้าง วันนี้อาจเป็นช่วงที่เรากำลังลง แต่ไม่ถึงกับว่า ต้องกอบกู้ แต่ขอใช้คำว่า เปลี่ยนแปลงพรรค ฟื้นฟูพรรค จะดีกว่า โดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่เกินวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือนเมษายน 2567 นี้
เราจะเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงโครงสร้าง-แนวทาง -วิธีการ และภาพลักษณ์ จะไม่มีการเอาพรรคไปหากิน ตามที่ “ผู้อาวุโส” ของพรรค ออกปากปรามาสไว้อย่างเด็ดขาด!!
“เรื่องอุดมการณ์นั้น แน่นอนอยู่แล้ว ผมยืนยันจะเอาหลักการประชาธิปัตย์ กลับมาสู่ประชาธิปัตย์ แล้วต้องบอกเลยครับว่า หลายปีที่ผ่านมานั้น มันหลักกูทั้งหมด ไม่ใช่หลักการ แต่ผมจะเอาหลักการกลับคืนมาให้ได้”
แม้ “เสี่ยต่อ” ไม่ได้ขยายความเพิ่มเติมว่า อะไรคือหลักการ อะไรคือหลักกู แต่เชื่อว่าผู้ที่ติดตามการเมืองคงพอเข้าใจได้ ...เช่นเดียวกับเรื่องการนำพาพรรคไปร่วมรัฐบาลในอนาคต แม้จะยังไม่ได้พูดจากปาก แต่หลายๆ คนก็คงเข้าใจได้เช่นกัน
หันมามองท่าทีของ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน บ้าง เมื่อถูกถามถึงอนาคต หากต้องมีการปรับครม. จะดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมหรือไม่
...อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่วันนี้เราแฮปปี้อยู่แล้ว กับ 314 เสียง จาก 500 เสียง เพียงพอต่อการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีทำงานอย่างเต็มที่ ก็ต้องปรับจูนกันไป แม้ไม่เห็นด้วยกันหมด แต่ก็มีการพูดคุยกันอย่างผู้ใหญ่
...ถ้าได้มาเพิ่มอีก 25 เสียง จากประชาธิปัตย์ ในแง่ของตัวเลข ก็อาจจะดีขึ้น แต่ในแง่ของการที่จะมาเกลี่ยมาแบ่งกระทรวงกันใหม่ มันก็ลำบากขึ้น มันไม่มีอะไรดีหมดหรอก ขอให้ยึดคำที่ผมพูดไว้ วันนี้ 314 เสียงพอแล้ว และรัฐมนตรีทุกท่าน ก็ทำงานกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ผลงานก็เริ่มทยอยออกมาแล้ว...
“นายกฯนิด” พูดซะชัดขนาดนี้ ปชป.ยังจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านแบบรอร่วมรัฐบาลหรือเปล่า ก็ต้องติดตามดูกัน !!