“แสวง” ตอบหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยัน “สมชัย ศรีสุทธิยากร” โดนคำสั่ง คสช.ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ กกต. ลงสมัคร ส.ส.ได้เหตุไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เพราะไม่ได้ทุจริตต่อหน้าที่
วันนี้ (22ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ทำหนังสือตอบข้อซักถามหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงวันที่ 20 ธ.ค.66 ที่สอบถามเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ถูกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2561 ลงวันที่ 20 มี.ค.61 ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. จะเป็นลักษณะต้องห้ามในการรับสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 98(8) รัฐธรรมนูญ 2560 และมาตรา 42 (10)แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 หรือไม่
ทางสำนักงาน กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีข้อซักถามของพรรคเสรีรวมไทย เป็นการซักถามเกี่ยวกับสิทธิที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้นจึงไม่ใช่ข้อสอบถามเกี่ยวกับการปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติมาตรา 23 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 และข้อ 4 ของระเบียบกกต.
ว่าด้วยวิธีการสอบถามและการตอบข้อซักถามของ กกต. 2564 แต่อย่างไรก็ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(8)และมาตรา 42(10)ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 2)2566 ได้กำหนดลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งกรณีเคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ จะต้องเป็นการพ้นด้วยเหตุจากการทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำการทุจริต หรือประพฤติมิชอบในวงราชการ แต่เมื่อพิจารณาคำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าวแล้ว เป็นคำสั่งให้นายสมชัย ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ กกต. ไม่ใช่เป็นการสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง กกต.ด้วยเหตุเพราะทุจริตแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่4/2561 เรื่องให้กรรมการการเลือกตั้งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ราชกิจานุเบกษาวันที่ 20 มีนาคม 2561 ได้ระบุเหตผลว่านายสมชัยมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจากกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับกระบวนการและกำหนดการเลือกตั้งด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควรในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสนอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ กกต. ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และนายสมชัยได้สมัคร เป็น เลขาธิการ กกต.โดยที่ยังไม่ได้ลาออกจากตำแหน่ง กกต.ถือเป็นการกระทำที่ขัดกันแห่งผลประโยชน์ เพราะเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงและส่งผลต่อความเป็นธรรมต่อการคัดเลือก เลขา กกต.ถึงไม่สมควรให้นายสมชัยปฏิบัติหน้าที่ต่อไป