วันนี้(21 ธ.ค.)นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในการเตรียมผู้สมัครรับเลือกตั้งในสนามท้องถิ่นว่า ในช่วงปลายปี 2567 นี้ จะมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศจำนวนมาก หมดวาระลง ซึ่งพรรคไทยศรีวิไลย์เอง ก็ต้องการจะให้พรรคฯ ได้มีบทบาทในเวทีการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น เพราะถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาพรรคฯ ให้เป็นที่นิยมของประชาชนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 นี้ ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ จะเดินทางไปเปิดตัว นายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ หรือ ทนายบุญถาวร อดีต ที่ปรึกษาฝ่ายค้านอิสระ จะเป็นว่าที่ ผู้สมัคร นายก อบจ.ศรีสะเกษ และว่าที่ผู้สมัคร สจ. พร้อมพบปะพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษ และ ในวันที่ 28 ธัวาคม 2566 พบปะพี่น้องประชาชน จัดกิจกรรมแจกทานแก่ผู้ยากไร้ ข้าวสารกว่า 2,000 ชุด กับชาวเมืองพิษณุโลก ตำบลพลายชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก กว่า 2,000 คน เนื่องในวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช(28 ธันวาคม 2310) ดังนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์ จึงได้ออกประกาศพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ พิเศษ 001/2566 เรื่อง รับสมัครคณะทำงานพรรคไทยศรีวิไลย์ ระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับตำบล โดยอาศัยอำนาจ ตาม พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ประกอบกับตาม ข้อบังคับพรรคไทยศรีวิไลย์ พ.ศ.2565 เพื่อรับสมัครคณะทำงานพรรคไทยศรีวิไลย์ ระดับชาติ ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ระดับตำบล เพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมือง รับปัญหาของประชาชน เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาล หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป โดยมีคุณสมบัติก็คือ คนไทย ชาย หญิง หรือ LGBTQ+ ทุกวัย เลื่อมใส ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข มีความปรารถนาให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ต้องการความยุติธรรม ความถูกต้อง ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ชอบทำงานอาสาช่วยเหลือประชาชน โดยไม่จำกัดสาขาอาชีพ และต้องการพัฒนาประเทศชาติและประชาชน โดยสามารถติดต่อได้ที่ 083-839-2944,098-623-5449 หรือ ไอดีไลน์ luksorn888,oomim.krissayakorn
“สำหรับสถานการณ์ทางการเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทำงานมาร่วม 3-4 เดือนนั้น ผมยังไม่ค่อยเห็นอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันที่จับต้องได้ เห็นแต่นโยบายลดค่าไฟฟ้าชั่วคราว ลดค่าน้ำมันชั่วคราว ลดค่ารถไฟฟ้าชั่วคราว โดยทำให้รายได้รัฐลดลง มิได้หารายได้เข้าประเทศเพิ่มเติมแต่อย่างใด และการลดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนโดยยกเลิกซื้อเรือดำน้ำ นี่ก็เป็นการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ผิดขาดองค์ความรู้อย่างมาก นี่ยังไม่นับว่ารัฐบาล โดย กระทรวงคมนาคม ที่กำกับ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) พอกำไรนิดนึงก็เตรียมจะกู้เงินซื้อเครื่องบินอีกกว่า 95 ลำ วงเงินกว่า 7.5 แสนล้าบาท เครื่องบินลำตัวกว้าง 80 ลำ เครื่องลำตัวแคบ 15 ลำ ซึ่งยังไม่ทันไรก็หาเรื่องก่อหนี้แบบรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเลย ที่ซื้อเครื่องบินมาแล้วก็ขาดทุนยับ ยกเลิกเส้นทางการบินเพราะไม่คุ้มทุน จอดเครื่องบินทิ้งไว้ที่อู่ตะเภารอขายเป็นเศษเหล็ก ซึ่งช่วงต้น มกราคม 2567 ตนก็จะเดินทางไปที่สนามบินอู่ตะเภาสำรวจเครื่องบินเดิม ที่เป็นความเสียหายของการตัดสินใจพลาดครั้งเก่าก่อน และเมื่อปี 2562 ผมก็เป็นผู้อภิปรายคนเดียว ขัดขวางการก่อหนี้ซื้อเครื่องบินกว่า 38 ลำ วงเงิน 156,000 ล้านบาท ถามกระทู้สด กับ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขณะนั้น พร้อมลงพื้นที่ไปตรวจสอบสภาพเครื่องบินเก่าที่สนามบินอู่ตะเภา จนนำไปสู่การลาออกของ ดีดีการบินไทย บอร์ดการบินไทย ในเวลาต่อมา สุดท้ายก็ยกเลิกโครงการดังกล่าวทันก่อน โควิด-19 เข้ามา ซึ่งถ้าไม่ขัดขวางไว้ คงจะเกิดความเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาท รวมดอกเบี้ย กลายเป็นหนี้สาธารณะต่อไป” นายมงคลกิตติ์ กล่าว