ข่าวปนคน คนปนข่าว
**"อุ๊งอิ๊ง" ว่ายังไง? "ชัชชาติ" เล็งคุม "หมูกระทะ-ปิ้งย่าง" ซอฟต์เพาเวอร์ ก่อ PM2.5
คุณภาพอากาศกรุงเทพฯยอดแย่ จากรายงานสภาพอากาศ สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 เกินมาตรฐานทั่วทุกบาง บางพื้นที่ตัวเลขสูงปรี๊ด ใครอยู่ในโซนสีแดงก็สัมผัสได้ว่า กระทบต่อสุขภาพตัวเอง ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา แค่ไหน
มองตาด้วยตาเปล่า จะเห็นว่ากทม.เหมือนเมืองที่ปกคลุมคล้ายหมอกบางๆ ในหน้าหนาว แต่กลับเป็น PM2.5 ที่สุดแสนอันตราย
“อุ๋ย บุดด้าเบลส” หรือ นักร้องคนดัง อดรนทนไม่ไหวถึงกับโพสต์ออกสื่อถาม "PM2.5 กับ รถติดใน กทม. เป็นเรื่องที่ต้องทำใจยอมรับ ใช่มั้ย?" โดยชาวโซเชียลฯ กดไลค์เห็นด้วยประการทั้งปวง
เจอคำถามเจ็บๆของ “อุ๋ย” ก็ต้องดูว่า "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เจ้าของฉายาบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เจอ PM 2.5 จะยังแข็งแกร่งอยู่ได้มั้ย
ถ้าให้ชาวกทม.ทำใจยอมรับ PM2.5 โดยไม่มีทางแก้ไขให้ดีขึ้น “ชัชชาติ” อาจจะต้องเจอคำถาม"ผู้ว่าฯมีไว้ทำไม"? แน่ๆ
ที่ผ่านมาต่างทราบข้อมูลกันว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาจากไอเสียรถยนต์ สถานที่ก่อสร้าง ควันจากการเผาป่า รวมทั้งฝุ่นที่ค้างอยู่ในอากาศ ซึ่งมาจากรถยนต์ที่ปล่อยออกมา ทำให้ในบางวันที่เป็นวันหยุด หรือไม่มีการจราจรที่คับคั่ง ก็ทำให้ค่าฝุ่น PM.25 สูงขึ้นได้
มาตรการและการควบคุม กทม.ก็เคยแจกแจงว่า ปัจจัยนั้นมันมีหลายอย่าง ไม่ได้เกิดจากรถยนต์ หรือ ไซต์งานก่อสร้างเท่านั้น กทม.จึงพยายามทำงานหลายอย่างเพื่อแก้ปัญหา แต่ PM 2.5 ก็ตามหลอกหลอนชาวกรุงเหมือนเดิม
อย่ากระนั้นเลย... “ชัชชาติ”จึงเปิดประเด็นว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิด PM 2.5 อีกเรื่องที่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องใหญ่ คือ ร้านจำหน่ายอาหารประเภท "หมูกระทะ-ปิ้งย่าง"
ผู้ว่าฯกทม.ออกตัวไว้ ทั้งหมูกระทะและปิ้งย่าง อาจไม่ได้มีผลในภาพรวม แต่มีผลเฉพาะพื้นที่ ทำให้มีค่าฝุ่น PM2.5 หนาแน่นขึ้น
ถามว่าหลังจากนี้จะจัดการอย่างไร? “ชัชชาติ” บอกว่า ก็ต้องไปดูว่าต้องมีที่ดักควัน หรือไม่ ไม่ได้ห้ามปิ้งย่าง แต่ต้องมีตัวดูด หรือเก็บควันก่อนปล่อยออกมา ไม่ใช่ปล่อยอิสระ เพราะหากช่วงที่อากาศปิดก็จะทำให้ค่า PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น
งานนี้ทำเอาชาวโซเชียลฯ เอฟซีหมูกระทะ ปิ้งย่าง ว้าวุ่น วิจารณ์ให้แซ่ด มันเป็นไปได้หรือ?
เพราะพฤติกรรมการกิน ปาร์ตี้สังสรรค์ ในหมู่เพื่อนฝูงหรือครอบครัวรวมแล้วแต่หลงรักหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชอบที่ทำกินกันเอง หรือไปตามร้าน
อาหารชนิดนี้ประชานิยมแค่ไหนไม่ต้องถาม ขนาด "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการ ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ จะโปรโมตให้เป็น "ซอฟต์เพาเวอร์" ให้ชาวโลกรู้จัก
เมื่อประเภทอาหารรักตก และว่าที่ ซอฟต์เพาเวอร์ ของ “อุ๊งอิ๊ง” ถูกจัดเข้าไปเป็นหนึ่งเป็นจำเลย ก่อ PM 2.5 แบบฮาไม่ออก งานนี้ก็คงต้องถาม “อุ๊งอิ๊ง” ละว่าจะว่ายังไง?
** "ไอซ์ รักชนก" เจอคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา จากคดีโพสต์หมิ่นเบื้องสูง ยังดีที่ได้ประกันตัวจึงยังไม่สิ้นภาพส.ส.
“ไอซ์- รักชนก ศรีนอก” สส.กรุงเทพฯ เขต 28 พรรคก้าวไกล นักการเมืองรุ่นใหม่ มาแรง ขี่จักรยาน ขอคะแนนเสียง ชาวบ้านในพื้นที่ จอมทอง บางบอน หนองแขม จนสามารถแซง “วัน อยู่บำรุง” อดีต สส.เพื่อไทย เจ้าของพื้นที่เดิม แล้วคว้าเก้าอี้สส.ไป
“ไอซ์ ” ทำหน้าที่ผู้แทนมาได้แค่ 6 เดือนเศษ ก็ถูกศาลอาญาพิพากษา จำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา ความผิดฐาน ดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ตามคำฟ้องระบุ เหตุเกิด เมื่อ18 ก.ค.ถึง 9 ส.ค.64 ซึ่ง “ไอซ์” ขณะนั้นเป็นสมาชิกกลุ่ม “คลับเฮ้าส์เพื่อประชาธิปไตย”ได้บังอาจดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้าย ในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วยการใช้บัญชีทวิตเตอร์ ไอซ์ หรือ @nanaicez โพสต์ ข้อความ เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีน พร้อมรูปภาพ ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่10 อันเป็นความผิดตามกฎหมาย
เป็นการโพสต์ “เฟกนิวส์” เพื่อสนับสนุนผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกล ที่พยายามโจมตีเรื่องวัคซีนโควิด ในขณะนั้น
“ไอซ์” ให้การปฏิเสธ...แต่ในการสู้คดีนั้น “ไอซ์” ไม่ได้สู้ว่าสิ่งที่ตนเองโพสต์นั้นไม่เป็นความผิด ...แต่ไปสู้ในประเด็นที่ว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่
ซึ่งเรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่งมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทำให้ “ไอซ์” ต้องมาต่อสู้คดี 112 ในศาลอาญา แบบลุ้นระทึก!!
และเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ศาลอาญา ก็นัดอ่านคำพิพากษา ซึ่ง“ไอซ์”เหมือนจะรู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไร จึงพยายามขอให้ศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อน โดยอ้างว่าต้องไปสภาฯ เพราะมีการเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 13 ธ.ค. เป็นวันแรก แต่ศาลไม่เลื่อน
“ไอซ์” ที่เป็นจำเลย จึงต้องเดินทางมาศาล โดยมี “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะทนายความ พร้อมด้วย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และบรรดา ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคน มาให้กำลังใจ
ช่วงหนึ่งของคำพิพากษา ระบุว่า...จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี อ้างว่าไม่ได้กระทำผิด โดยไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของจำเลย เพื่อหาข้อเท็จจริง และที่จำเลยอ้างว่า มีความยึดถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ เป็นประมุขนั้น มีข้อพิรุธ และความขัดแย้งของตัวเอง ไม่ขวนขวายหาข้อเท็จจริงกับแนวทาง ข้อต่อสู้ของจำเลยมีน้ำหนักน้อย ไม่น่าเชื่อถือ ผิดวิสัย ทั้งยังลงภาพ และถ้อยคำ "แซะ" สถาบันด้วย เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมตามความผิด พิพากษาว่า
จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ลงโทษตาม มาตรา 112 อันเป็นบท หนักสุด รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา
หลังฟังคำพิพากษา “ไอซ์” บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนถูกพาไปห้องควบคุมตัว ขณะที่ “ชัยธวัช” ได้ใช้ตำเเหน่งสส.ของตนเอง และหลักทรัพย์เงินสด 300,000 บาท ยื่นประกันตัว “ไอซ์”ทันที ระหว่างนั้นก็รอฟังผลด้วยใจระทึก
หากว่าศาลไม่ให้ประกันตัว “ไอซ์” ก็จะต้องถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ และเมื่อถูกคุมขังแม้เพียงวันเดียว สถานภาพส.ส.ของไอซ์ ก็เป็นอันสิ้นสุด
แต่ในที่สุดศาล ก็อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยใช้หลักทรัพย์ในการประกันตัว 500,000 บาท โดยเป็นเงินสด300,000 บาท และตำแหน่ง สส. 200,000 บาท มีเงื่อนไขห้ามกระทำผิดซ้ำ ซึ่งมีไม่บ่อยนัก ที่ผู้ถูกจำคุกในคดี 112 จะได้ประกันตัวทันที
นับว่าวันนี้ “ไอซ์” ยังรักษาสถานภาพ สส.ไว้ได้
