“เศรษฐา” ชมจังหวัดกาญจน์ บริหารจัดการได้ครบทุกมิติ เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขอให้ สส.ช่วยกันไม่เลือกพรรคไหน สั่งแก้ปัญหาที่ดินหมักหมมมานาน ขอให้จบในรุ่นนี้ ซัด ททท.ต้องมีแพชชั่นบริหารท่องเที่ยว อย่าตะแบงตัวเลขนักท่องเที่ยว ต้องเอารายได้ต่อหัว-ระยะเวลาอยู่
วันนี้(9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เดินทางมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจชุมชนของจังหวัดกาญจนบุรี อาทิ นิทรรศการผ้าไทยใส่ให้สนุก ผ้าขาวม้าลายตราจักร ลักษณ์ของจังหวัด ชุดไทยทรงดำ ชิมขนมทองโย๊ะ ขนมพื้นเมืองชาวกะเหรี่ยง รวมทั้งชมผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ที่นายกฯให้ความสนใจกล้วยหอมพันธุ์คาเวนดิช และไข่ผำ ที่สามารถนำไปแปรรูปประกอบอาหาร รวมถึงการนำโกโก้ไปแปรรูป ซึ่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรม มีแนวคิดที่จะทำเรื่องการแปรรูป เพิ่มมูลค่าสินค้า พร้อมกับสอบถามถึงช่องทางการแปรรูปในพื้นที่กาญจนบุรี โดยทางกลุ่มเกษตรกรระบุว่ายังมีความต้องการโรงงานแปรรูป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯรับมอบเห็ดโคนดองเกลือ นอกจากนั้นนายกฯได้รับมอบเสื้อฟุตบอล สีแดงของทีมสโมสร DP Kanchaburi FC ( Dragon fc ) ทีมฟุตบอลไทยลีกส์ ด้านหลังสกรีนชื่อของนายกรัฐมนตรีและหมายเลข 10 จากประชาชนที่เป็นแฟนคลับ โดยนายกฯอวยพรให้ทีมขึ้นชั้นดิวิชั่นหนึ่งในฤดูกาลหน้า
จากนั้นนายกฯเป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวม จ.กาญจนบุรี โดยจังหวัดมีการเสนอแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาที่ดิน ระบบระบายน้ำท่วม การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษบ้านพุน้ำร้อน เป็นต้น
โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้รับฟังบรรยายสรุปรู้สึกว่าผู้บริหาร ทั้งสส. อบจ. ผู้ว่าราชการจังหวัดทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง ถือเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้ว่าราชการจังหวัดเพิ่งทราบว่าโตที่นี่ เกิดที่นี่ ตั้งแต่ปลัดจังหวัด และจะอยู่ที่นี่ต่อไป หวังว่าจะทำงานต่อที่นี่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพี่น้องประชาชนต่อไป และทำงานร่วมกับสส.ทุกพรรคทุกคนได้อย่างดีมากให้ความเป็นกลาง และ อบจ.ก็เพิ่งเข้ามามีชื่อเสียงผู้ใหญ่ในทางรัฐบาลก่อนๆ เป็นหัวหอกใหญ่ในการทำโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย ดังนั้นจังหวัดอื่นไม่ต้องคิดมาก เอาจังหวัดกาญจนบุรีเป็นแม่แบบขอฝาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้เป็นคู่คิดด้วย
“ทุกพรรคอย่าไปคิดเป็นพรรคไหน เรามาทำเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นการดีทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเอาพี่น้องประชาชน เอาความต้องการความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า การบรรยายสรุปที่นี่ดีกว่าจังหวัดอื่นๆที่ไปมา ความพร้อมทุกอย่างมีหมด อาจเป็นเพราะมีรัฐมนตรีมาครบทุกกระทรวงก็ได้ ต่อไปนี้คงจะต้องมาครบทุกกระทรวง ซึ่งจริงๆแล้วตนไม่มีข้อเสนอ เพราะที่เสนอมาครบ แต่ขออนุญาตตอกย้ำในบางเรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาจัดสรรที่ดิน ตั้งแต่ปี 2481 มีปัญหามานานมากมีพื้นที่ที่ใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง ต้องยกเลิกบ้าง และมีการออกโฉนดใหม่ ตรงนี้จึงอยากสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรมว.เกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย รวมถึงทางจังหวัดให้ช่วยพูดคุยกันให้จบ เพราะปัญหาพี่น้องหมักหมมมานานตั้งปี 2481 ตอนนั้นตนอยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย เพราะนานมากแล้ว แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาถึงแล้วก็อยากให้จบชื่อรุ่นนี้ จึงต้องฝากผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย เป็นคนที่รู้เรื่องดีที่สุด และวันนี้มีทุกหน่วยงานมาครบ หากสามารถแก้ปัญหาเรื่องที่ดินได้เชื่อว่าจะแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนได้อย่างดีมาก ควบคู่กับนโยบายหลักของรัฐบาล จะกู้เงินที่ไหนก็ต้องมีสินทรัพย์ไปวาง ก็คือที่ดิน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการบริหารจัดการน้ำระบบชลประทานต่างๆเชื่อว่าทุกท่านรู้อยู่แล้วและอยู่ในแผนงานที่เราจะต้องจัดการกันอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาน้ำท่วม แต่ปัญหาน้ำแล้งเยอะ ฉะนั้นอย่างน้อยก็ง่ายแก้แค่น้ำแล้ง หากไม่แล้งเชื่อว่าเรื่องผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรและรายได้ต่อหัวคงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะเรามีแหล่งน้ำเยอะตามเขื่อนต่างๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆเราไม่เคยมองข้าม รมว.เกษตรฯเข้าใจความเดือดร้อน และการที่ต้องมีรายได้เสริมให้กับพี่น้องประชาชนตรงนี้จะดูในทุกมิติให้ครบ
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนศักยภาพการค้าทางชายแดน เรามีความเสียเปรียบหัวเมืองหลักทางภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดหนองคาย ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านของเรา เราสามารถส่งถ่ายสินค้าไปเมืองจีนได้ ส่วนทางด้านตะวันออกก็บูมมาก แต่ตนไม่อยากให้พี่น้องกาญจนบุรีหมดหวัง หากดูถึงเรื่องจำนวนประชากรเพื่อนบ้านเราคือประเทศพม่า มีประชากรเท่าๆเรา 70 ล้านคนแต่ปัญหาภายในเขาหนักหนาอยู่ เราเองชัดเจนวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ที่ซัพพอร์ตรัฐบาลหรือฝ่ายที่อยู่ตามหัวเมืองต่างๆเราวางตัวเป็นกลาง รักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงที่ต้องมีส่วนร่วมที่จะทำให้ตรงนี้เกิดขึ้นได้เหตุผลที่ต้องพูดตรงนี้เพราะประเทศไทย 70 ล้านคน ถ้าเราสามารถวางตัวเป็นศูนย์กลางได้ ให้เจรจาทุกอย่างสงบสุขได้ ชายแดนเรากับพม่าเกือบ 2,000 กม.เป็นทางผ่านไปถึงอินเดีย เราสามารถเป็นผู้เล่นสำคัญในการนำความสงบมาได้
นายกฯกล่าวว่า เชื่อว่าคนจะมองประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศเพราะความเจริญของเรามีเยอะ เรามีท่าเรือ มีสนามบิน ที่มีศักยภาพสูง ตรงนี้เราสามารถเอาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการส่งออกสินค้าของเขาได้ ฉะนั้นตนมีความหวัง และกระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคงของเราทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ฝ่ายเขามีความสงบสุขและประเทศไทยเป็นประเทศกลางในการช่วยเหลือเขา ให้พี่น้องเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับประชาชนของคนไทยด้วยกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการท่องเที่ยวว่า ก็แปลกใจที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีบอกว่าจังหวัดกาญจนบุรีเป็นอันดับ 3 ที่มีท่องเที่ยวนักเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องของจำนวนคน และตนเคยบอกไปแล้วว่าเรื่องจำนวนคนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องใหญ่คือการจับจ่ายใช้สอยและระยะเวลาที่อยู่ ที่ผู้ว่าฯบอกว่า นักท่องเที่ยวต่อ 1 คนใช้เงินแค่ 1,000 กว่าบาท ซึ่ง 1,000 กว่าบาทบางทีโรงแรมหนึ่งคืนยังไม่ได้เลย แสดงว่าเขามาเช้าเย็นกลับและมาอยู่ที่กรุงเทพฯ และไม่ค้างที่เมืองกาญจน์ โรงแรมที่จังหวัดกาญจนบุรีมีต้อง 600 กว่าโรงแรม และโรงแรมดีๆก็มีเยอะ ฝากทีมงานให้ไปพูดคุยกับผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มัวแต่ไปอังกฤษไป เบอร์ลิน อยากให้มาดูหน่อย มาดูจังหวัดกาญจนบุรี มาดูแลจังหวัดที่เดือดร้อนหน่อย แต่ไปจังหวัดใหญ่ๆ เชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดแบบนี้อันซีน
นายกฯยังถามถึง ททท.จังหวัดกาญจนบุรี ฝากให้ดูเรื่องการท่องเที่ยวเพราะท่านก็ทราบว่าจังหวัดนี้ศักยภาพสูงขนาดไหน อย่าตะแบงแค่ตัวเลขอย่างเดียว คนมาเยอะไม่ช่วย รายได้ รายจ่ายต่อหัว ระยะเวลาที่อยู่ ระยะเวลาท่องเที่ยว ต้องลงพื้นที่ให้หนัก มาพูดคุยกับผู้บริหารจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด สส. เชื่อว่าทุกคนมีแรงบันดาลใจ เพราะที่บรรยายมา 30% เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งนโยบายการท่องเที่ยวรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญ