ส.ส.ปชป.พร้อมตัวแทนสาขาพรรคตบเท้าสดุดี “เฉลิมชัย” เหมาะนั่งหัวหน้า “ชัยชนะ” หวานเจี๊ยบ ชูพี่ใหญ่เหมาะสุด ขอกอดคอ 3 พี่น้องฝ่าพายุ ไม่มีแตกคอ ด้าน “เฉลิมชัย” ขอบวกลบเหตุผล พรุ่งนี้ได้คำตอบแน่นอน ชี้ คำพูดเลิกเล่นเมือง ต้องรู้เหตุผลแม้ทำตนเป็นศพแล้ว แต่ยังเหลือวิญญาณที่มีสำนึก ด้าน “เดชอิศม์” ลั่นพร้อมนั่งเลขาฯหาก เสี่ยต่อ นั่ง หน.
เมื่อเวลา 12.20 น. ที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ มีบรรดาสมาชิกพรรค สาขาพรรค ส.ส. อดีตส.ส. อดีตผู้สมัคร ส.ส. รวมทั้ง นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้สมัครหัวหน้าพรรคที่ประกาศถอนตัวร่วมมอบดอกไม้ให้กำลังใจและเรียกร้องให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรครับตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
นายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษารองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ 21 ส.ส.ได้ลงชื่อสนับสนุนให้นายเฉลิมชัย นำพาพรรคกลับมาให้เป็นที่ชื่นชมของประชาชน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญ ตนตั้งใจจะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อลดความขัดแย้ง โดยใช้เวลา 1 ปีครึ่ง เพื่อทำให้พรรคเรียบร้อย ให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และจะถอยออก แต่วันนี้ได้เห็นพลังของส.ส. 21 คน รวมเป็นหนึ่ง ถือเป็นเจตนารมณ์ที่ตนต้องการ ดังนั้น ตนจึงขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่สนับสนุนนายเฉลิมชัย เพื่อให้กลับมาสู่ความเป็นหนึ่งเดียวเสียที จึงอยากให้รับตำแหน่งตรงนี้ เพื่อพวกเราจะได้สบายใจและมีความสุขเสียที ยืนยันว่า เราไม่ได้เสียจุดยืนและไม่ได้เสียภาพลักษณ์ที่ดี เรายังเป็นพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ และเป็นความหวังของประชาชน เพียงแต่ว่าปัญหาภายในบางอย่างทำให้เราไม่มีเอกภาพ วันนี้ประชาธิปัตย์จะได้นับหนึ่งจากการเป็นเอกภาพ
ด้าน นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พรรคมีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 8 คน วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของประชาธิปัตย์ที่จะเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 78 อย่างมั่นคงและแข็งแรง ตนเชื่อว่าการตัดสินใจของสส.กลุ่ม 21 คน ที่มีความเห็นตรงกันว่านายเฉลิมชัยเป็นบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ท่านอยู่พรรคประชาธิปัตย์ได้ทุ่มเททำงานเพื่อพรรค และเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ข้อครหาทุจริตคอร์รัปชั่น ขอเรียนว่าการที่เราจะกล่าวหาว่าใครคนใดคนหนึ่ง ถ้าขึ้นมาบริหารพรรคและจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นคือคุณอยู่ในโลกแห่งความฝัน เพราะเขายังไม่ได้บริหารพรรคอย่างเต็มตัว ฉะนั้นต้องแยกแยะให้ออกว่าวันนี้การบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่ทุกคนประกาศว่าเรามีจิตสำนึกที่ดีที่รักพรรคประชาธิปัตย์มี 2 อย่างคือหวง กับห่วง หวงพรรคกับเป็นห่วงพรรค กับหวงอำนาจมันต่างกัน
“ในฐานะที่ผมเป็นน้องเล็กสุด ท่านเฉลิมชัย เป็นพี่ชายคนโต มีท่านเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นพี่ชายคนที่สอง เรา 3 คนพี่น้องรักกัน ไม่ว่าพายุหรืออุทกภัยแปรปรวนจะเข้ามาถึงอย่างไร แต่ไม่สามารถทำให้จิตใจ หัวใจเราทั้ง 3 คนที่มีความเป็นลูกผู้ชายนั้นแตกแยกออกจากกันได้ สายสมแห่งการพัดผ่านนั่นคือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลานี้แล้วมวลมิตรทั้งหลายของพรรคประชาธิปัตย์เราจะขอมาเชิญชวนให้นายเฉลิมชัย รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนที่ 9 ด้วยความรักและจิตศรัทธาและจะนำพาพรรคกลับมายิ่งใหญ่ในอนาคตอีกครั้ง” นายชัยชนะ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายชัยชนะ กล่าวจบได้สวมกอดนายเฉลิมชัย พร้อมเสียงตะโกนเชียร์ ”เฉลิมชัยสู้ๆ“
ด้าน นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พวกตนทราบดีว่าตำบลกระสุนตกคือ นายเฉลิมชัย เพราะเคยลั่นวาจาว่าจะเลิกเล่นการเมือง การตัดสินใจของนายเฉลิมชัยในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว เด็ดขาดของความเป็นผู้นำ และถ้านายเฉลิมชัยไม่พูดอย่างนั้น วันนี้พรรคคงได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน หลังจากวันนั้นจนถึงวันเลือกตั้ง ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาตลอด นายเฉลิมชัย ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตนมั่นใจว่าจะชนะใจผู้สมัครสส.เขตทุกคน ดังนั้นวันนี้จึงคิดว่านายเฉลิมชัยเป็นคนที่เสียสละมากที่สุด เสียสละมาทั้งชีวิต จึงขอร้องให้นายเฉลิมชัยเสียสละอีกครั้ง
“บางคนที่ไม่เข้าใจ อาจไม่เคยได้รับ จึงมาโจมตีนายเฉลิมชัย ผมอยากบอกว่าความรัก ความศรัทธา และความเชื่อมั่น มันซื้อกันไม่ได้ มันออกมาจากใจแล้วเปล่งออกมาเป็นคำพูด ผมขอฝากไปถึงคนที่ยังไม่เข้าใจและโจมตีท่าน เพราะถือว่าท่านเป็นผู้เสียสละที่สุด มั่นใจความคิดความอ่านของนายเฉลิมชัย” นายเดชอิศม์ กล่าว
ด้าน นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่ตัดสินใจว่าจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ ขอคุยกับ ส.ส.ของพรรคก่อนว่าเป็นมาอย่างไรถึงมาลงที่ตน แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของสมาชิกพรรคทุกคน โดยตนต้องตัดสินใจอยู่แล้วไม่ว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง และในวันที่ 9 ธ.ค. จะต้องชัดเจนว่าตนจะเดินหน้าต่อหรือไม่ และก็ต้องรู้ข้อเท็จจริงที่เป็นความรู้สึกของสส.ในพรรคทุกคนให้หมดก่อนว่ามีเหตุผลอะไร
“ผมอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มา 4 ปี กับทุกคน ผมไม่เคยใช้อำนาจ หากใครคิดว่าผมเป็นคนที่ใช้อำนาจสั่งได้นั้น ไม่ใช่ ผมเป็นคนที่ยึดหลักการและประชาธิปไตยในประชาธิปัตย์มากที่สุดคนหนึ่ง ทุกครั้งผมจะถาม ส.ส.และทุกคนว่าเรื่องนี้มีความเห็นอย่างไร ไม่เคยบอกว่าต้องเอาอย่างนี้ หรือสั่งให้ไปทำอย่างนี้ ไม่ใช่ผม ผมก็ยังเป็นผม ดังนั้น จึงต้องมีเหตุผลเพียงพอในการที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่สำคัญสุดต้องมีคำตอบให้กับตัวเองได้ ท่านไม่ต้องห่วงผมพูดอะไรไป ผมรู้ตัว แต่อีกมุมหนึ่งทุกคนต้องรู้ว่าเพราะอะไรถึงออกมาพูด” นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนยืนยันอีกครั้งว่าจะไปพูดคุยกับ ส.ส.ว่าอึดอัด หรือติดขัดอะไรตรงไหน อะไรมันจะเกิดขึ้นสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ตนเข้าใจและขอบคุณมากเพราะรู้ดีว่าตนรักพรรค เพราะพรรคคือส่วนหนึ่งของตัวตนและสายเลือดตน ทุกคนถึงได้มีความรู้สึกว่าตนควรจะกลับเข้ามา แต่ขอเรียนทุกท่านว่าตนก็เป็นคน การตัดสินใจของตนไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีแต่ขาดทุนกับเสมอตัว แต่ตนมีสำนึก
“ขอเรียนทุกท่านว่า สิ่งที่ผมเรียกหาจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมาก็คือสำนึก วันนี้สิ่งที่ผมพูดไป ผมมันเป็นศพไปแล้ว เหลือแต่วิญญาณ แต่วิญญาณผมก็ยังมีคุณค่า ถึงผมจะมีวิญญาณแต่ก็มีสำนึก ผมจะไปคุยเหตุคุยผลบวกลบคูณหาร หากจะทำให้ประชาธิปัตย์เดินได้ ผมก็จะพิจารณา แต่ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่พรรคจะต้องแตก เลือดจะต้องไหลไม่หยุดอีก ผมก็จะต้องพิจารณา ฉะนั้นพรุ่งนี้มีคำตอบแน่นอน” นายเฉลิมชัย กล่าว
ทั้งนี้ นายเดชอิศม์ ยังให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้เชื่อมั่นว่า นายเฉลิมชัยจะรับเป็นหัวหน้าพรรค 50:50 เพราะนายเฉลิมชัยยังต้องวิเคราะห์และทำอย่างไรให้ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วนายเฉลิมชัยจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น หากนายเฉลิมชัยรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตนพร้อมจะเป็นเลขาธิการพรรคให้ เพราะถือว่าลงตัวที่สุดและสามารถทำงานกับนายเฉลิมชัยได้ แต่ตนจะไม่รับเป็นเลขาธิการพรรคให้กับคนอื่นแน่นอน
นายเดชอิศม์ กล่าวอีกว่า คนที่จะเป็นเลขาฯพรรคต้องมีคอนเนคชั่นจำนวนมาก ที่สำคัญ ต้องพัฒนาสาขาพรรคแต่ละจังหวัดให้มีความสำคัญกว่านี้มาก โดยต้องยกระดับให้มีแม่ทัพไปอยู่แนวหน้าของแต่ละจังหวัด ซึ่งวันนี้เราละเลยมากไป และเห็นว่ามีหลายเรื่องต้องปรับปรุงแบบ 360 องศา รวมทั้งมีเอกภาพเพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และผนึกกำลังกันโดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่เอาพรรคเป็นที่ตั้งแล้วจับมือกันเดินไปข้างหน้า ซึ่งภาคอื่นไม่รู้ แต่ภาคใต้ฟื้นได้สบายๆ