xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯปาฐกถาวบส. ร่ายยาวผลงาน 3 ด.ชวนต่างชาติลงทุนอื้อ ชี้คนมีสติรู้ดีสงกรานต์ทั้งเดือนไม่เล่นแต่น้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เศรษฐา" ปาฐกถา วบส. ร่ายยาวผลงาน 3 เดือน เป็นเซลแมนชวนต่างชาติลงทุนอื้อ ลั่น คนมีสติรู้ดีสงกรานต์ทั้งเดือนไม่ใช่เล่นน้ำอย่างเดียว ก่อนฟาดแรง พวกใช้คอนเนคชั่นหลักสูตร ยกตนข่มท่าน เป็นคนน่ารังเกียจ

วันนี้ (7ธ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวปาฐถกาพิเศษ ในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนาวิชาการหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับนักบริหารระดับสูง หรือ​ ​วบส. ตอนหนึ่งว่า​ คำว่าอนาคตเศรษฐกิจไทยอยากจะเติมท้ายว่าที่จับต้องได้ ทางทีมงานเตรียมคำกล่าวสปีดมาให้ แต่ไม่ขอใช้ดีกว่า ขอเป็นธรรมชาติ เป็นอะไรที่เป็นภาษาง่ายๆ เพราะเป็นหลักสูตรที่เชื่อว่าสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์สูงสุดกับคนไทยทุกคน ตนจึงอยากพูดอะไรที่จับต้องได้ และทุกคนเข้าใจได้ง่ายๆไม่ได้เป็นการวาดภาพที่สวยหรูเกินเหตุ หรือพูดไปแล้วทำลำบาก เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วงเวลาที่ตนได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก จะพยายามไม่กล่าวถึงรัฐบาลอื่น 10 ปีที่ผ่านมาเราลำบากเยอะ วันนี้ก็ยิ่งลำบากหนักไปอีกด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง ทั้งการแข่งขันในเวทีโลก ปัญหาสงครามที่เกิดขึ้น ซึ่งยังไม่มีทีท่าที่จะจบ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างดี และสงครามทางด้านการค้าการลงทุน

นายเศรษฐา กล่าวว่า ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง อีก 2-3 วันจะครบ 3 เดือน วันที่แถลงนโยบายไป 11 ก.ย. เรามีนโยบายหลากหลาย ต้องยอมรับว่าการลดค่าใช้จ่ายของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญ บางคนอาจจะมองว่าเป็นประชานิยม การหาเสียง แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะหาเสียงจบไปแล้ว เรื่องของการหาเสียงไม่มีแล้ว ไม่มีการซื้อใจ หรือเตรียมตัวในการรอเลือกตั้งต่อไปไม่มีแล้ว เรื่องของปัญหาค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟ พักหนี้เกษตรกร ช่วงเวลา 9 ปีที่ผ่านมามีการพักหนี้ไป 13 หน พวกท่านในฐานะที่เป็นผู้จ่ายภาษีเยอะที่สุด คงต้องถามว่าแล้วจะพักไปอีกนานเท่าไหร่ เรื่องนี้ต้องยอมรับตรงๆว่าเป็นเรื่องที่หนักใจ และอยากจะบอกว่า จะพักหนี้เป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็พูดไม่ได้เต็มปาก ไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนเรื่องของการลดค่าน้ำมัน ค่าไฟ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้ 3.99 บาทต่อหน่วย มีข่าวออกไปว่าจะขึ้นถึง 4.68 และคุยกันว่าจะไปอยู่ที่ 4.20 ตนบอกไปแล้วว่า รับไม่ได้คงต้องกลับไปพิจารณากันใหม่ จะพยายาม กดให้ได้ 4.10 บาท และอย่าลืมว่าก่อนที่ตนจะลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท ราคาไปอยู่ที่ 4.50 บาทมาก่อน รวมถึงเรื่อง ควิกวิน ที่มีหลายคนไปด้อยค่า ผมก็มีส่วนผิดที่ใช้คำว่าควิกวินบ่อย ต้องเปลี่ยนศัพท์ใหม่บ้าง ทั้งนี้การหารายได้ต้องสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ในส่วนของตัวผมเองไม่มีอะไรที่ดีพอ ต้องสร้างมาตรฐานที่สูงเข้าไว้ นักท่องเที่ยวจีนลดน้อย แต่เราก็ทดแทนได้ด้วยนักท่องเที่ยวประเทศใหม่ๆอย่างคาซัคสถาน และ อินเดีย ซึ่งอินเดียก็มีปัญหา เที่ยวบินไม่เพียงพอ ซึ่งการเปิดเที่ยวบินใหม่เป็นเรื่องที่ยากลำบาก อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงข้อเสนอให้นำเที่ยวบินที่หายไปของจีนให้อินเดียบิน อยู่ระหว่างการเจรจาว่าจะสามารถทำได้หรือไม่

นายเศรษฐา​ กล่าวอีกว่า​ คำว่าซอฟต์พาวเวอร์​ ในวิถีการเมืองก็ไปด้อยค่าต่างๆนานา​ แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนทราบว่าคำว่าซอฟต์พาวเวอร์​คืออะไร หลายเรื่องในประเทศไทยมีจุดแข็งในเรื่องนี้สงกรานต์ก็เพิ่งได้รับการยกย่องจากยูเนสโกเป็นมรดกโลกเชิงวัฒนธรรม ซึ่งในปีหน้าจะมีการจัดสงกรานต์ทั้งเดือน แต่ไม่จำเป็นต้องสาดน้ำกันทั้งเดือน แต่ถ้าใครอยากจะสาดก็สาด แต่ตนเชื่อว่าคนที่มีสติดีคงจะทราบว่า​สงกรานต์ทั้งเดือนนั้นคืออะไร เหมือน​ตรุษจีนที่มีการจัดงานหลายวัน ตนเชื่อว่าขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของไทยเป็นสิ่งที่ดีงาม เป็นสิ่งที่ต่างชาติอยากจะทราบ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องสนับสนุนเรื่องเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้

“ 9 ปีที่ผ่านมาไทยไม่มีตัวตนในโลก ไม่มีการลงนามเขตการค้าเสรี​ หรือ​ FTA ซึ่งต้องมีการขยาย FTA ซึ่งวันนี้เวียดนามแซงเราไปแล้ว​ และยืนยันว่าจะไม่มีการขายไฟฟ้าพลังงานสะอาดจากลาวให้กับสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นคู่แข่งในการดึงนักลงทุน ซึ่งต้องพูดตามตรง ผมจำเป็นต้องโหด”นายเศรษฐากล่าว

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ได้​ใช้เวลาเพื่อยกระดับไม่ให้ติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางอุตสาหกรรมสมัยใหม่ นโยบายของเราจะเสนอพ.ร.บ.กู้เงินครั้งใหญ่​ ตนเชื่อว่าในครั้งที่นี้หลายท่านก็ไม่เห็นด้วย​ และหลายท่านอาจเห็นด้วย ​และจากการที่เดินทางไปร่วมประชุมเอเปค เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาพเห็นมีการจับมือตบไหล่กันอย่างสวยหรูนั้น แต่ข้างหลังก็ถือมีดกันอยู่ทุกคน ซึ่งจีนกับสหรัฐฯตกลงกันอย่างชัดเจนมีเพียงเรื่องเดียวคือไม่กดปุ่มนิวเคลียร์ยิงใส่กัน​ ที่เหลือก็สู้กันตายไปข้างหนึ่งในเรื่องการค้า เพราะฉะนั้นเรื่องการย้ายฐานการผลิตต่างๆมาที่เมืองไทย ซึ่งไทยดำรงในเรื่องของความเป็นกลาง ไม่ได้เอียงไปทางสหรัฐฯหรือจีน

“คนจีนถือเป็นพี่ใหญ่ อเมริกาถือเป็นบิ๊กบอส เพราะฉะนั้นเราไปได้กับทุกคน ซึ่งผมได้ไปเจรจาตรงนี้ก็เข้าใจในหลายๆอย่าง ซึ่งในห้องประชุมใหญ่มีการโอภาปราศรัยกันดี แต่พอเข้าห้องรับรองที่ไม่มีนักข่าว ก็มีการกอดคอชี้หน้าด้อยค่าซึ่งกันและกัน เยอะไปหมด ซึ่งเราเองแม้จะตัวเล็กๆแต่ก็มีความภาคภูมิใจ และจะต้องพยายามดึงนักลงทุนมาประเทศไทยให้ได้”นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า ยอมรับว่าตนเป็นเซลล์แมน ต้องวิ่งสู้ฟัด​ และในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น​ ซึ่งประเทศญี่ปุ่นถือเป็นรถสันดาบ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลญี่ปุ่นเรียกร้องว่าเราโปรโมทรถ EV เยอะเกินไป แต่มันเป็นเทรนของโลกและเราต้องทำ “ผมจะทำ EV ก็เรื่องของผม แต่คุณต้องการอะไรก็บอกมา คนไทยเชื้อสายจีนไม่เคยลืมต้นน้ำ​ ใครรักเรา​ ใครดีกับเรา​ เราจะดีด้วย เราจะจำไว้ และเราจะทดแทนบุญคุณเขา ผมบอกกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างนี้​ และวันนี้เราก็มีการเจรจาเป็นจำนวนมาก ว่าเราจะช่วยเรื่องการประกอบรถสันดาปอย่างไร​ โดยจะมีมาตรการทางภาษี​ ”

นายเศรษฐา​ กล่าวถึงการอบรมในหลักสูตร วบส.ว่า หากใช้คอนเนคชั่น​ ให้เป็นประโยชน์​ ใช้ความรู้ความสามารถในทางที่ถูกต้อง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากใช้เรื่องเหล่านี้วางตนเหนือท่าน​ ยกตนเหนือท่าน ใช้ทรัพยากรของรัฐโดยไม่ถูกต้อง ถือว่าท่านเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจ มีหลายหลักสูตรที่ไปเรียนเรื่องเหล่านี้แล้วปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ท่านเป็นบุคคลพิเศษเป็นบุคคลที่ได้รับเกียรติจากสถาบันที่มีเกียรติมาพบปะสังสรรค์มาอยู่ร่วมกัน มาช่วยทำประโยชน์ให้สังคม บางท่านอาจจะบอกว่าธุรกิจชั้นเล็กนิดเดียวจะไปทำได้อย่างไรทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมหายไปได้ อย่างไรการประพฤติตนของท่านทุกคนและตัวผมในส่วนเล็กก็มีส่วนช่วยเหลือได้ เคยเดินทางไปยังหนองบัวลำภูหรือไม่และอยากฝากไว้ว่าหากได้ไปเมืองเหล่านี้อยากรู้จริงๆว่าสังคมมีความเหลื่อมล้ำกันอย่างไร ไม่เกี่ยวว่านายกฯเองมาจากภาคธุรกิจ ตนมีความตั้งใจจริงในการที่จะลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม และเหตุผลหนึ่งที่ตนมาพูดในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ เพราะรู้แล้วว่าทุกคนตามอยู่ว่าตนทำอะไรอยู่บ้าง แต่อยากจะวิงวอนอ้อนวอนทุกคน ว่าท่านเป็นบุคคลที่มีต้นทุนสูงทางสังคมและสามารถช่วยลดช่องว่างความไม่เท่าเทียม

ในช่วงท้าย ตัวแทนนักศึกษาหลักสูตร วบส.ได้ ให้กำลังใจกับนายกฯโดยระบุว่า การที่ประเทศไทยได้นายกฯชื่อเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯคนที่ 30 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเหมือนโชคชะตาส่งมาให้ช่วยขับเคลื่อนประเทศชาติ ตนขอเป็นกำลังใจ ทั้งนี้ยอมรับว่าสถานการณ์ไม่ง่าย ข้าวยากหมากแพง ภาวะโลกร้อน การขัดแย้งจากประเทศสารพัดปัญหาถือเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับคนที่ยืนเป็นหัวเรือของประเทศ ขอถามว่าก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ในฐานะนักธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทยมีเรื่องอัดอั้นตันใจอะไรที่ซีเรียสมากที่สุดและคิดว่าถ้ามีโอกาสขับเคลื่อนจะทำอะไรเป็นสิ่งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี และท่านได้นำประสบการณ์หรือแนวทางการบริหารงานในเชิงธุรกิจมาใช้ขับเคลื่อนประเทศอย่างไร

นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เรื่องที่ทำให้อัดอั้นตันใจ คือเรื่องของความเหลื่อมล้ำ เพราะปฏิเสธไม่ได้ ตนเองก็มีเยอะและบางครั้งก็ใช้จ่ายเยอะจนกระทั่งละอายใจ อย่างเช่นการมีนาฬิกาหลายเรือน จนไม่รู้ว่าจะมีไปทำไม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าอยากมีอีก แต่คิดแล้วก็ทุเรศตัวเองเพราะบางคนเขาไม่มี และพูดแบบนี้ไม่ใช่ตัวเองดูดี มันมีความขัดแย้งในตัวเอง

“นิสัยส่วนตัวของผมเวลาไปทานข้าวที่ไหนไม่ชอบคำว่าโต๊ะวีไอพี ไม่ชอบแบ่งอาหารสำรับ ไม่ชอบแบ่งไวน์สองเกรด ผมไม่ชอบ จึงมีความไม่สบายใจเวลาลงพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยหรือทำเนียบฯ เวลาไปไหนก็ยังมีอยู่ และจะบอกทีมงานเสมอว่าผมกินข้าวสำรับเดียวกับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ทุกคน ถ้าให้ผมกินพิเศษผมไม่เอา เรื่องของความเหลื่อมล้ำเป็นเรื่องที่พยายามผลักดันมาโดยตลอด แต่ยังไม่สำเร็จ เป็นสารตั้งต้นที่ทำให้อยากเข้ามาการเมืองตรงนี้”

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการศึกษาก็เป็นอีกเรื่องซึ่งในวงต่างๆที่ไปพูดคุยบางคนก็ด้อยค่า ในการศึกษาแต่เชื่อว่าทุกคนเริ่มได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นโรงเรียนสาธิต อัสสัมชัญหรืออินเตอร์เนชั่นแนล หลายคนบอกตลอดว่าการศึกษาไทยห่วย หลักสูตรไม่ดี ครูไทยสอนไม่ได้เรื่อง ตนเองก็พูดเรื่องนี้ตลอดเวลาในวงเหล้าก็มีการพูดคุยกันตลอดเวลา แต่ไม่มีใครลุกขึ้นมาทำ ลูกผมก็ไปเรียนเมืองนอกจบการศึกษาที่ดี ค่าเล่าเรียนปีละหลายล้านบาท หลายคนก็คงรู้สึกเช่นนั้นเพราะพวกท่านมีช้อยส์ แต่มีคนอีกกว่าล้านคนที่หลุดออกจากวงการการศึกษาหลังจากโควิด ตนคิดตลอดเวลาว่าทำอย่างไรจะให้คนเหล่านี้กลับเข้าสู่วงการการศึกษาได้ ตนอยู่ในภาคเอกชนก็บริจาคเงิน 100 ล้านบาทให้กับจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่ไซส์เล็กและบริษัทแสนสิริ ไม่มีโครงการและไม่ได้เป็นจังหวัดพรรคเพื่อไทยมี สส. เพราะเดี๋ยวจะหาว่าทำเพื่อซื้อเสียง เพื่อให้ไปทำงานว่าจังหวัดราชบุรี

เมื่อถามว่า มีแนวทางในการพัฒนาหรือยกระดับเรื่องการศึกษาอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า เราต้องพัฒนาเริ่มตั้งแต่เอาเด็กที่อยู่นอกระบบการศึกษาเข้ามาก่อน ประเทศไทยถือว่าโชคดีว่าเรามีโรงเรียนเยอะ แต่ถ้าใช้คำว่าควิกวินตนว่าหลักสูตรหลายอย่างไม่ได้สอนให้คนจบออกมาตรงกับงานที่มีความต้องการของตลาด ตนเชื่อว่าทุกคนทราบและบังเอิญเป็นความซวยของประเทศด้วย ทักษะอังกฤษถือว่าต่ำมาก และจบอะไรมาก็มีงานหมด แต่เป็นงานของอนาคตหรือเปล่า ตนคิดว่าต้องปรับที่หลักสูตรด้วย อย่างในอเมริกาการศึกษาแข็งแกร่งมากและมีคนรวยบริจาคเพื่อการศึกษาแต่ประเทศไทยมีหรือไม่ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้เมื่อสร้างบารมีได้เมื่อเริ่มตั้งไข่ได้ ก็อยากเดินสายคุยกับภาคธุรกิจ ซึ่งเงินด้านการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรมีน้อยมากอย่างไรเสียต้องพึ่งเอกชน การศึกษาเท่านั้นที่จะยกระดับสถานะขึ้นมาได้จากความเหลื่อมล้ำ เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่ตนจะลดในสังคมและจะพยายาม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลักสูตร​ วบส.นี้​ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน​ ภริยา​นายกรัฐมนตรี​ เป็นนักศึกษา​ วบส.รุ่นที่ 4 ซึ่งเป็นคณะจัดงาน แต่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานแต่อย่างใด​


กำลังโหลดความคิดเห็น