ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ต้องเห็นโลงศพถึงหลั่งน้ำตา “ป๋องแป๋ง ไอดอลวิทยาศาสตร์” ขอโทษเหยื่อ รับผิด ใช้คำพูดทำร้ายคน แต่เรื่องฉาวมุมมืดยังไม่หมดแค่นี้
ยอมรับออกมาเรียบร้อยแล้ว ว่าตนเองคือ “ไอดอลวิทยาศาสตร์” ที่ตกเป็นข่าวโดนหญิงสาวผู้ใช้เฟซบุ๊ก นามว่า “Plai Fon Bys” โพสต์แฉพฤติกรรมคุกคามจิตใจ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนทำใจพัง สูญเสีย Identity หรือ อัตลักษณ์ของเหยื่อ ไม่เหลือความเป็นมนุษย์ และเชื่อว่าอาจจะมีการล่วงละเมิดทางเพศเหยื่อรายอื่นๆด้วย
เขาผู้นั้นคือ “ป๋องแป๋ง” อาจวรงค์ จันทมาศ เจ้าของตำแหน่ง “สุดยอดแฟนพันธุ์แท้นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก” ประจำปี 2555 เคยทำงานที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์
ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในฐานะ “นักสื่อสารวิทยาศาสตร์” เป็นอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เขียนหนังสือวิทยาศาสตร์หลายเล่ม จัดรายการให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลายรายการ จนถูกเรียกว่า “อาจารย์ป๋องแป๋ง” แม้ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนประจำที่ไหนก็ตาม
หลังจากโดน เจ้าของเฟซบุ๊ก “Plai Fon Bys” ออกมา Call Out เรียกร้องให้ให้หลายๆองค์กร ตรวจสอบพฤติกรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ ล่าสุด เมื่อวาน (5 ธ.ค.) “ป๋องแป๋ง” อาจวรงค์ จันทมาศ ได้ชี้แจงทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “อาจวรงค์ ป๋องแป๋ง จันทมาศ” ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ใจความโดยย่อก็บอกว่า ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง เรื่องการใช้คำพูด ที่ส่งผลกระทบต่อคนอื่น พร้อมกล่าวขอโทษเพื่อนร่วมงาน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ขอโทษน้องผู้หญิงคนนั้น และอีกหลายคนที่คำพูดของตนทำร้าย และสุดท้ายอยากขอโทษสังคมที่เคยตั้งความหวัง แต่ก็ถูกตนเองทำลายความหวังเหล่านั้น
“ผมเป็นคนพูดจาไม่ดี เวลาผมใช้อารมณ์ หรือด่าทอใคร ผมมักจะใช้พูดที่รุนแรงมาก มากเกินไปจริงๆ แม้จะรู้ว่ามันทำให้คนฟังรู้สึกแย่
“แต่ผมไม่ได้ตระหนักว่ามันจะทำให้คนฟัง รู้สึกถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกทำลายตัวตน หรืออัตลักษณ์ของคนๆ นั้น จนทำให้รู้สึกไม่เหลือความเป็นคน จนสิ่งที่ผมทำมาตลอดกลับมาสะท้อน และส่งผลกับตัวผมเองในวันนี้” ส่วนหนึ่งของคำชี้แจง ระบุ
ถึงจะยอมรับเรื่องพูดจาไม่ดี แต่ “ป๋องแป๋ง” ก็ได้ปฏิเสธแบแบหัวเด็ดตีนขาด ต่อข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ ลวนลาม หรือการข่มขืนกระทำชำเรา ยืนยันไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้กับใครทั้งสิ้น และไม่เคยกระทำเช่นนั้นกับใคร
แต่กระนั้น “ป๋องแป๋ง” ก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมาชอบใช้คำพูดคำจาไม่เหมาะสม ชวนให้เข้าใจไปกำลังจีบ หรือกำลังชอบพอใครหลายๆ คน ไปบ้าง แม้ระยะหลังมันก็ค่อยๆ ลดลงตามคุณวุฒิ และวัยวุฒิ
ก่อนลงท้ายคำชี้แจงด้วยการรับปากว่า จะปรับปรุงคำพูด และแนวความคิดของตนเองให้ดีขึ้น เพื่อไม่ทำให้ต้องมีใครถูกทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดอีก และสิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายในชีวิตของ “ป๋องแป๋ง” ต่อไป
ก็คงต้องติดตามดูต่อไปว่า “ไอดอลวิทยาศาสตร์” ผู้นี้ จะปรับปรุงการสื่อสารของตัวเอง แก้ไขคำพูดคำจา ขจัดนิสัยที่นักจิตวิทยาเรียกว่าเป็น Gaslighter หรือ การทำให้ผู้อื่นรู้สึกผิด ไปได้มากน้อยแค่ไหน
ณ เวลานี้ก็ยังเป็นที่สงสัยกันอยู่ว่า ที่ “ป๋องแป๋ง” ออกมาโพสต์ขอโทษขอโพยต่อทุกภาคส่วน นี่ เพราะสำนึกผิดจริงๆ หรือว่า เป็นเพราะรู้สึกว่าตนเองสูญเสียอย่างหนัก หลังจากเจ้าของเฟซบุ๊ก “Plai Fon Bys” ออกมา Call Out ทั้ง
-THE STANDARD ยกเลิกรายการ “ใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์” ที่ “ป๋องแป๋ง” เป็นพิธีกร
-“ฟาง” รัฐโรจน์ จิตรพนา ประกาศยุติบทบาทการเป็น co-host ในรายการ
-เพจ “WiTcast” ผู้ก่อตั้งและดำเนินรายการ “WiTcast” ออกมาร่วม Call Out และลบรายการทุกตอนในอดีต ที่ “ป๋องแป๋ง” มีส่วนร่วม
แถมยังโดนกระแสสังคมโหมกระหน่ำประณามมาจากทุกด้าน ก็เลยต้องหาทางบรรเทาความสูญเสียลงบ้าง
จะว่าไป เรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมของ “ไอดอลวิทยาศาสตร์” รายนี้ เป็นที่รับรู้ในวงการมาระยะหนึ่งแล้ว ถ้าย้อนกลับไปอ่านคอมเมนต์ท้ายโพสต์ของ “Plai Fon Bys” ก็จะพบบางคอมเมนต์ ที่บอกถึงร่องรอยความฉาวในอดีต เช่น
-เค้ายังไม่หยุดอีกเหรอคะ รอบก่อนก็เพิ่งโดนแฉไปหลายคดีมาก
-นี่เค้าไม่รู้สึกผิด หรือรู้สึกกลัวอะไรเลยเหรอ
-หลายปีมานี่ก็มีมาเรื่อยๆ นะคะ ปีละรอบสองรอบ
ยังไม่หมดเท่านั้น “จิระนันท์ พิตรปรีชา” อดีตผู้นำนักศึกษายุค 14 ตุลาฯ 2516 กวีซีไรต์ประจำปี 2532 ผู้เป็นแม่ของ “ดร.แทนไท ประเสริฐกุล” อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล เพื่อนของ “ป๋องแป๋ง” และเคยจัดรายการแนววิทยาศาสตร์โปกฮาร่วมกัน ทางวิทยุออนไลน์ WiTcast ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก Chiranan Pitpreecha ตั้งแต่วันก่อน (4 ธ.ค.) ว่า
“จริงๆ คนวงในเริ่มรับรู้พฤติกรรมวิปริตจิตทรามมาเป็นปีแล้ว (มีการตั้งกลุ่มคุยกันเพื่อช่วยเหลือให้กำลังใจ และเช็คยอดผู้เสียหายที่ยังไม่พร้อมจะเปิดหน้า) คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนักล่าอำมหิต และเหยื่อสาวๆจะเยอะขนาดนี้…
“เราเองเคยเจออีกด้านมืดของคนผู้นี้ สมัยที่เดินเข้าออกบ้านเราในฐานะเพื่อนสนิทของลูกชาย เล่าย่อๆ คือ การฉวยโอกาส ฉกข้อมูลหาทุนทำรายการ ที่เรานี่แหละเป็นคนคาบมาบอกลูกต่อหน้าเขา แล้วเขาแอบไปเขียนโครงการขอรับทุนสนับสนุนเพียงลำพัง โดยไม่บอกกล่าวเพื่อนที่เป็นทีมทำงานปั้นรายการ WiTcast ช่วยสร้างชื่อให้เขาในช่วงแรกๆ ...
“ตอนที่ลูกเรารู้ว่าโดนเพื่อนทรยศ ถึงกับน้ำตาคลอ แต่ก็ตัดใจให้อภัย และตัดสัมพันธ์ไป โดยไม่ปริปากเล่าให้ใครฟังว่าโดนอะไรมา (มีตุกติกอีกหลายเรื่อง) ปล่อยให้ fc รายการงงงันกันต่อไป... จนกระทั่งมีเรื่องแบบนี้ที่เป็นภัยสังคมของจริงโผล่มา จึงต้องทำอะไรสักอย่างแทนการช่วยปกปิดอำพรางทางอ้อมแบบเดิมๆ”
ถ้าเป็นไปตามนี้ ก็พูดได้ว่า ด้านมืดของ “ไอดอลวิทยาศาสตร์” รายนี้ เป็นที่รับรู้ในวงการมานาน และไม่ได้มีแค่เรื่องการใช้วาจาทำร้ายผู้คนและพฤติกรรมคุกคามเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา
**วัดใจ“มาร์ค” ร่วมชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ กลับมากอบกู้พรรค
การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่ กำลังอยู่ในความสนใจของแววดวงการเมือง
ตำแหน่งที่ถูกจับตาคือ ใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อกอบกู้วิกฤตตกต่ำ ซึ่งตอนนี้เปิดตัวออกมาแล้ว 2 คน คนแรก “นราพัฒน์ แก้วทอง” รักษาการรองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ อดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ และ อดีต สส.พิจิตร บุตรชายคนโตของ “ไพฑูรย์ แก้วทอง” บ้านใหญ่เมืองพิจิตร
ส่วนคนที่ 2 “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร ของพรรค ภรรยาของ “ฉาย บุนนาค” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ทั้งสองคน ต่างก็มีดี มีจุดอ่อน จุดแข็งที่แตกต่างกัน ถ้าดูจากกระแสภายนอกพรรคจะเห็นได้ว่า คะแนนนิยมของ “มาดามเดียร์” จะเหนือกว่า “นราพัฒน์” ...แต่ถ้าวัดกระแสภายในพรรค โดยเฉพาะโหวตเตอร์ ที่เป็น สส.แล้ว “นราพัฒน์” จะมีภาษีดีกว่า เว้นแต่ว่า ในช่วงโค้งสุดท้าย “มาดามเดียร์” จะใช้กำลังภายใน ลอบบี้สส.ให้หันมาเทคะแนนให้ตนเองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนั้น สมาชิกในที่ประชุมใหญ่ อาจเสนอชื่อบุคคลอื่นขึ้นมาเพิ่มเติม เพื่อเป็นอีกทางเลือกก็ได้ และคนที่ถูกจับตามากที่สุด คือ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าถูกเสนอชื่อขึ้นมา เขาจะตอบรับ หรือปฏิเสธ
แต่ในมุมมองของ “ศิษย์เก่าประชาธิปัตย์” อย่าง “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราช ที่ขณะนี้เจอคำสั่ง “เว้นวรรค” ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ได้ให้ความเห็นว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ “อภิสิทธิ์” เท่านั้นคือทางรอดของประชาธิปัตย์
“เทพไท” ยกเหตุผลมาสนับสนุนความคิดของเขาในฐานะที่รู้จักและทำงานใกล้ชิด “อภิสิทธิ์” มานานว่า
“อภิสิทธิ์” เป็นคนที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องหลักการประชาธิปไตย ซึ่งตรงกับอุดมการณ์ของพรรค คือ ต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ และมีบุคลิกตรงกับสโลแกนเดิมของพรรค คือ ประชาธิปัตย์ซื่อสัตย์ มืออาชีพ
เป็นคนมีสัจจะวาจา “คำไหน คำนั้น” เมื่อพูดหรือประกาศทางการเมืองอย่างไร ก็ปฏิบัติอย่างนั้น ไม่มีการเลี่ยงบาลี หรือทำตัวเป็นศรีธนญชัย ซึ่งคนแบบนี้หาได้ยาก ในหมู่นักการเมืองยุคปัจจุบัน
สามารถเชื่อมต่อ เติมเต็มช่องว่างของกลุ่มคนภายในพรรค ได้ทุกกลุ่ม ไม่ว่าคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง หรือรุ่นใหม่ มีบารมี หรือภาวะผู้นำเพียงพอ ให้คนในพรรคยอมรับได้
คะแนนนิยมหรือฐานเสียงของพรรค ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และภาคใต้ ซึ่ง “อภิสิทธิ์” ยังเป็นที่นิยม สามารถดึงฐานเสียงเหล่านี้ กลับมาสู่พรรคได้โดยเร็ว
ฐานเสียงเดิมของพรรค ที่เคยเลือกพรรคมาก่อน ประมาณ 11 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง และกลุ่มอนุรักษ์นิยม ครั้งที่ผ่านมา กลุ่มชนชั้นกลาง ส่วนหนึ่งหันไปเลือกพรรคก้าวไกล ส่วนกลุ่มอนุรักษ์นิยม ส่วนใหญ่หันไปสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ พ จันทร์โอชา พรรคจึงเหลือคะแนนเพียง 9 แสนคะแนนเท่านั้น ซึ่งตกต่ำมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรค จะกลับมาสนับสนุนพรรคเหมือนเดิม
ไม่มีข้อสงสัยในภาวะผู้นำของ “อภิสิทธิ์”ว่า สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ เพราะเคยเป็นนายกฯ มาก่อน และอายุยังไม่ถึง 60 ปี มีความรู้ความสามารถ ในการนำเสนอประเด็นทางการเมืองได้อย่างแหลมคม
พรรคประชาธิปัตย์ จะเติบโต เรียกศรัทธา และความนิยมกลับคืนมาได้ ด้วยบทบาทการเป็นพรรคฝ่ายค้าน ที่ตรวจสอบฝ่ายบริหารได้อย่างเข้มแข็ง ซึ่ง “อภิสิทธิ์” เป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ในการนำพรรคทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และจะเรียกศรัทธากลับคืนมาได้เร็วที่สุด
“เทพไท” เชื่อว่าหาก “อภิสิทธิ์”เป็นหัวหน้าพรรค จะสามารถนำพาพรรคค่อยๆเติบโตทางการเมืองขึ้นได้ตามลำดับ เพิ่มจำนวนสส.ได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นพรรคหลักหรือขั้วการเมืองได้อีกครั้งในอนาคต
ต้องติดตามกันว่า วันที่ 9 ธันวาคมนี้ ในที่ประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ จะมีผู้เสนอชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ขึ้นชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ และถ้ามีผู้เสนอ เจ้าตัวจะตอบรับ หรือขอถอนตัว!!