ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน 4 อดีต รมต. “เฉลิมชัย” รวย 102 ล้าน “สินิตย์” พ้น รมช.พณ. มี 225 ล้าน ภรรยาฟันรายได้ขายกุ้งที่เลี้ยง-ทำสวนปาล์มปีละ 33 ล้าน “เฮ้ง สุชาติ” เพิ่งหย่าเมียหลังเลือกตั้ง ทรัพย์สินลดเหลือ 209 ล้าน หนี้ยังเยอะ 296 ล้าน “อธิรัฐ” อดีต รมช.คมนาคม 191 ล้าน
วันนี้ (4 ธ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 5 ก.ย 66 โดย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน พ้นจาก รมว.เกษตรและสหกรณ์ แจ้งว่า ตนเอง และ นางธันยวีร์ ศรีอ่อน คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 102,537,251 บาท มีหนี้สิน 10,530,001 บาท
เป็นทรัพย์สินของนายเฉลิมชัย 43,281,189 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5 บัญชี 3,881,189 บาท ที่ดิน 11 แปลง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวม 32.9 ล้านบาท ยานพาหนะ 1 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 5.5 ล้านบาท อาทิ อาวุธปืน 10 กระบอก มูลค่า 550,000 บาท สร้อยคอทองคำ พระเครื่อง รวม 6 รายการ มูลค่า 1 ล้านบาท แหวนเพชรพลอย 3 รายการ 800,000 บาทนาฬิกา 5 เรือน 3.15 ล้านบาท เป็นต้น
ส่วน นางธันยวีร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นนายกเทศมนตรีตำบลปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีทรัพย์สินรวม 59,256,062 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 7 บัญชี 6,056,062 บาท เงินให้กู้ยืม 1.1 ล้านบาท แก่นายสุรพงษ์ ใจงาม เมื่อ 14 ก.พ. 55 ยอดหนี้ 1 ล้านบาท ยังเหลือเต็มจำนวน และ นางพรรณนิดา นิลพันธ์ เมื่อ 15 ก.พ. 55 ยอดหนี้ 100,000 บาท ยังเหลือเต็มจำนวน ที่ดิน 39 แปลงใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวม 41.7 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 ล้านบาท ยานพาหนะ 4 แสนบาท ทรัพย์สินอื่น 8 ล้านบาท อาทิ นาฬิกา 3 เรือน มูลค่า 2 ล้านบาท แหวนเพชร-พลอย จำนวน 5 รายการ มูลค่า 2 ล้านบาท กระเป๋าถือ 5 ใบ 1.5 ล้านบาท สร้อยคอต่างหูพลอยนพเกล้า 2 รายการ มูลค่า 300,000 บาท และมีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 530,001 บาท
ส่วนรายได้ นายเฉลิมชัย แจ้งว่า มีรายได้ประมาณ 1,932,080 บาท จากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง 1,560,480 บาทเงินกองทุนเลี้ยงชีพ 171,600 บาท เบี้ยประชุม 100,000 บาท ค่าเช่าที่ดิน 100,000 บาท ส่วน นางธันยวีร์ ได้จากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งประมาณ 1,826,102 บาท รายจ่ายต่อปีไม่มี โดยแจ้งว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดใช้ระบบกงสีของครอบครัว มี นายวิรัช ปิยะพรไพบูลย์ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
นายสุชาติ ชมกลิ่น พ้นจาก รมว.แรงงาน แจ้งสถานะโสด โดยหย่าเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 66 ระบุตนเองและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินรวม 209,380,471 บาท มีหนี้สินรวม 296, 675,837 บาท เป็นทรัพย์สินของนายสุชาติ 64,800,949 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 25 บัญชี 1,945,127 บาท ที่ดิน 13 แปลงใน จ.ชลบุรี รวม 29,440,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านพัก 2 หลัง ใน อ.เมือง และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รวม 8 ล้านบาท รถยนต์ 4 คัน 3.9 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 7,505,822 บาท ทรัพย์สินอื่น 14,010,000 บาท อาทิ พระสมเด็จวัดระฆังกรอบเพชร มูลค่า 8 ล้านบาท พระปกเงินหลวงปู่ทิมกรอบเพชร มูลค่า 700,000 บาท หลวงพ่อดิ่งวัดบางวัวกรอบทอง มูลค่า 250,000 บาท นาฬิกา Patek Philippe 2 เรือน มูลค่า 2.45 ล้านบาท ปืน 23 กระบอก
ส่วนหนี้สิน 296,675,837 บาท เป็นหนี้บัตรเครดิต 2,040,791 บาท เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 1,635,046 บาท และมีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือกับ 5 บุคคล ที่พึ่งมีการต่อสัญญาการกู้ และกู้ใหม่เมื่อช่วง ก.ค. 66 รวม 26 รายการ รวม 293 ล้านบาท
และ นายสุชาติ แจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 36,388,880 บาท จากเงินเดือนและค่าตอบแทน 1,388,880 บาท ขายที่ดิน 35 ล้านบาท แล้วมีรายจ่ายต่อปีประมาณ 1.25 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 650,000 บาท เบี้ยประกัน 300,000 บาท ค่าเล่าเรียนบุตร 200,000 บาท เงินบริจาคและภาษีสังคม 100,000 บาท
นอกจากนี้ นายสุชาติ ยังแจ้งว่า ได้มีการลงทุนในกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว 11,190.9147 หน่วย และหุ้นบริษัท อรินสิริแลนด์ จำกัด (มหาชน) โดย ณ วันแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินได้โอนหุ้นให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) จำนวน 79,962,500 หุ้น 171,950,000 หน่วย และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำกัด จำนวน 91,987,500 หุ้น รวม 171,950,000 หน่วย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 และอยู่ระหว่างรอหนังสือรับรองยอดเงินลงทุน
ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวม 144,579,500 บาท เป็นเงินฝาก 4 บัญชี 3,605,120 บาท เงินลงทุนในหุ้นบริษัท อรินสิริ แลนด์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 29,850,000 หน่วย มูลค่า137,907,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 3,067,401บาท
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 66 สำนักงาน ป.ป.ช.ได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของนายสุชาติ ที่ยื่นเพิ่มครั้งที่ 2 กรณีพ้นจากส.ส.ชลบุรี เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 66 ซึ่งขณะนั้นยังมี น.ส.วิมลจิต อรินทมะพงษ์ เป็นคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ว่า มีทรัพย์สินรวม 760,967,135 บาท เป็นทรัพย์สินของนายสุชาติ 123,928,932 บาท เป็นทรัพย์สินของ น.ส.วิมลจิต 465,987,447 บาท และเป็นทรัพย์สินของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 171,050,755 บาท และมีหนี้สินทั้งสิ้น 342,701,583 บาท เป็นหนี้สินของนายสุชาติ 301,862,412 บาท และเป็นหนี้สินของน.ส.วิมลจิต 40,839,170 บาท
นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ์ แจ้งกรณีพ้นจากตำแหน่ง รมช.คมนาคม ว่า ตนเอง และ น.ส.อรัชมน รัตนวราหะ ซึ่งอยู่กินฉันสามีภรรยา มีทรัพย์สินรวม 191,276,681 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชีของนายอธิรัฐ 105.01 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายอธิรัฐ 82 ,255,998 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 4 บัญชี 33 989,984 บาท เงินให้กู้ยืมแก่ บริษัท ตรัย แอสเซท หนี้คงเหลือ 9 ล้านบาท ที่ดิน 1 แปลง ในอำเภอเมืองนครราชสีมา 21,025,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3,617,493 บาท ยานพาหนะ 380,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 3,173,520 บาท ทรัพย์สินอื่น 11,070,000 บาท เป็นสร้อยคอพร้อมจี้เพชรกางเขนโลหะคล้ายเงิน 2 ชุด สร้อยคอทองคำพร้อมพระเครื่องเลี่ยมทองคำ 4 ชุด พระเครื่องเลี่ยมทองคำ 3 องค์แหวนทองคำฝังอัญมณีต่างๆ 10 วงนาฬิกา 10 เรือน
ส่วน น.ส.อรัชมน ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ทัศนียาอพาร์ทเม้นท์ จำกัด บริษัท ตรัยแอสเตท จำกัด และบริษัท มาย เกรทฟอร์จูน 29 จำกัด มีทรัพย์สินรวม 109,020,682 บาท เป็นเงินฝาก 7 บัญชี 33,141,194 บาท เงินลงทุน 2.64 ล้านบาท เงินให้กู้ยืม 60,830,100 บาท แบ่งเป็นแก่บริษัท ตรัยแอสเซท จำกัด ยอดหนี้คงเหลือ 20 ล้าน และแก่นายศักดา ไตรศักดิ์ ยอดหนี้คงเหลือ 40,830,100 บาท ที่ดิน 3 ล้านบาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.2 ล้านบาท ยานพาหนะ 220,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 9,388 บาท ทรัพย์สินอื่น 7.98 ล้านบาท เป็นพระสมเด็จไม่ทราบรุ่น วัด 5 องค์ และสร้อยคอทองคำพระเครื่องเลี่ยมทองคำชุดเครื่องประดับทองคำและโลหะฝังอัญมณีต่างๆ และทั้งคู่แจ้งมีรายได้ต่อปี โดย นายอธิรัฐ มีรายได้ 1,436,220 บาทจากเงินเดือนและเงินเพิ่ม ส.ส.รวมถึงดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ มีรายจ่าย 1,082,000 บาท ส่วน น.ส.อรัชมน มีรายได้ 977,000 บาท เป็นเงินเดือนจาก บจ.ตรัยแอสเซท และ บจ.ทัศนียาอพาร์ทเม้นท์ และมีรายจ่ายต่อปีประมาณ 416,390 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีรายจ่ายต่อปีประมาณ 320,000 บาท
นายสินิตย์ เลิศไกร กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมช. พาณิชย์ แจ้งว่า ตนเอง และ น.ส.เยาวรัตน์ จันทร์นุ่น คู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 225, 776,632 บาท และมีหนี้สินรวม 91,809,293บาท โดยเป็นทรัพย์สินของนายสินิตย์ 30, 361,626 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 7 บัญชี 11,634,367 บาท เงินลงทุน 11,000 บาท ที่ดิน 2 แปลง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 11,178,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1.3 ล้านบาท ยานพาหนะ 5.4 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 538,259 บาท ทรัพย์สินอื่น 300,000 บาท เป็นปืนสั้นกับสร้อยคอ มีหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 2,226,374 บาท อันนี้ที่มีหลักฐานเป็นหนังสืออีก 1,665,071 บาท
ส่วน น.ส.เยาวรัตน์ มีทรัพย์สินรวม 192 ,643,020 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 17 บัญชี 8,215,005 บาท เงินลงทุน ฟาร์มกุ้งและสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด รวม 10,001,000 บาท ที่ดิน 90 แปลง ใน จ.สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช 133,071,180 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยว ออฟฟิศ คอนโดรวม 7 หลัง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกรุงเทพฯ มูลค่า 31,599,200 บาท ยานพาหนะ 2.24 ล้านบาท สิทธิและสัมปทาน 3,496,500 บาท ทรัพย์สินอื่น 4,020,192 บาท อาทิ จี้มุก จี้งาช้าง แหวนเพชร พระเครื่อง สร้อยคอเพชร กำไลเพชร กำไลสุโขทัย กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ
และมีหนี้เป็นเงินเบิกเกินบัญชี 14 บัญชี รวม 42, 234,845 บาท และกู้เงินธนาคารอีก 41,683,001 บาท
บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินรวม 2,771,984 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก2 บัญชี 164,264 บาท สิทธิและสัมปทาน 2,214,720 บาท ทรัพย์สินอื่น 393,000 บาท
ทั้งคู่แจ้งมีรายได้ต่อปีเป็นรายได้ของนายสินิตย์ ที่ได้จากเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งรวม1,362,720 บาท ส่วน น.ส.เยาวรัตน์ มีรายได้รวม 35,680,000 บาท รวมเป็นเงินเดือน 1.2 ล้านบาท ส่วนปาล์ม 1.5 ล้านบาท ค่าเช่าที่ดินและอพาร์ตเมนต์ 980,000 บาท รายได้จากการเลี้ยงกุ้งขาย 32 ล้านบาท แล้วทั้งคู่มีรายจ่ายเป็นค่าอุปโภคบริโภครวม 5.66 ล้านบาท