ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “นายกฯนิด” ไม่ฟิตเท่าไหร่ ความเครียดพุ่งปรี๊ด แต่ยังดีที่ได้ยาหอม!
ยกครม.ขึ้นไปประชุมสัญจรครั้งแรกของรัฐบาลที่ จ.หนองบัวลำภู ภารกิจของ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เห็นว่า ก่อนวันประชุมมีคิวลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ติดตามประเด็นปัญหาต่างๆ เรียกว่า คิวแน่นเอี๊ยดๆ
หนึ่งในคิวนั้นคือเดินทางไปที่ โรงพยาบาลสุวรรณคูหา เพื่อตรวจเยี่ยมกระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งมีคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสุวรรณคูหารอต้อนรับ
มาถึงนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมรถเก็บตัวอย่างชีวะนิรภัย พระราชทาน , รถเอ็กซเรย์ระบบดิจิทัลพระราชทาน , รถโมบายคลายเครียดโรงพยาบาลสวนปรุง , และรถเอ็กซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ระบบดิจิทัล และอัลตราซาวด์อัตโนมัติ ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดเป็นรถเคลื่อนที่เอาไว้ให้บริการประชาชนในพื้นที่ต่างๆ
ฟังว่า ระหว่างที่"นายกฯนิด" ได้ขึ้นไปตรวจเยี่ยมรถโมบายคลายเครียดเพื่อตรวจวัดระดับความเครียด ก็เป็นจุดที่น่าสนใจขึ้นมาทันที
เนื่องเพราะ ผลระดับการวัดพบว่า "นายกฯนิด" มีความเครียดสูง ผลอยู่ที่ 150 มีสภาวะความเหนื่อยล้าของร่างกาย ผลความตื่นเต้นที่เด่นชัด ระบบประสาทอัตโนมัติทั้ง 2 อันทำงานไม่สมดุลกัน บ่งบอกว่ามีสภาวะความเครียด ความกดดัน หรือ ตื่นเต้นจากงานที่รัดตัวในช่วงนี้
ขณะที่นายกรัฐมนตรีได้หันไปพูดกับ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงผลการตรวจว่า “แม่น” ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
ส่วนผลการตรวจอื่นๆ พบว่า สภาวะหลอดเลือด "นายกฯนิด" อยู่ในไทป์ 2 เมื่อเทียบกับอายุแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เทียบได้กับคนที่อายุ 30 ปี การไหลเวียนเลือดอยู่ในระดับดีมาก น่าจะเป็นเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ
ทว่า ผลการตรวจความฟิตของร่างกาย เจ้าหน้าที่ระบุว่า นายกฯไม่ค่อยฟิตเท่าไหร่!
ดูโดยรวมแล้ว นายกฯ มีภาวะเครียด ตื่นเต้น ร่างกายไม่ฟิต แถมเจ้าหน้าที่ยังระบุว่า การปรับตัวต่อสภาวะความเครียด ยังไม่สมดุล ไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดี ซึ่งเจ้าหน้าที่แนะนำว่า ให้พักผ่อนและจัดการกับความเครียด
งานนี้ตำแหน่งนายกฯใครขึ้นมาเป็นก็ต้องเครียดเป็นธรรมดาหรือเปล่า? ขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการความเครียดอย่างไร
ของพรรค์อย่างนี้ อยู่ที่ตัว"นายกฯนิด"แล้วละ
ที่แน่ๆ ลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้ข่าวมี "ยาหอม" ให้ชื่นใจ ใจฟู พอได้ เพราะระหว่างนายกฯเดินทักทายประชาชน และกลุ่มต่างๆ ที่มาต้อนรับ โดยมีประชาชนเข้ามาขอสวมกอด หอมแก้มนายกฯซ้ายขวา พร้อมขอถ่ายภาพเซลฟี่ไปตลอดทาง
ขณะที่มีคนอวยพรให้นายกฯ เป็นที่พึ่งของประชาชนไปอีก 12 ปี เล่น โปรยยาหอมกันแบบนี้ ไม่รู้ว่า เครียดหนักกว่าเดิมหรือไม่ เพราะให้อยู่ต่อไปอีก 12 ปี นี่ต้องเป็น "ซูเปอร์แมน" แล้วล่ะที่ทำได้.
**เอาน่า "ผู้กอง sorry" หลานชาย "คุณหญิงอ้อ" อย่างน้อยโดนด่าฟรี ก็มีประโยชน์
ควันหลงจากดรามาการแต่งตั้งโยกย้ายในแวดวงสีกากี ที่เกิดเป็นประเด็นไปทั่วโลกออนไลน์ กรณี ผกก. ตม. ภูเก็ตลาออก เนื่องจากถูกย้ายไปเป็น ผกก.ตม.ประจวบฯ โดยมีเลศนัย มีบันทึกข้อความเหตุผลขอลาไปในทำนองว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วข่าวก็แพร่สะพัด "ผกก.คนใหม่" ที่มาแทนเป็นคนไม่ธรรมดา โยงไปถึงเครือญาติคนใหญ่คนโตทางการเมือง
บังเอิ๊ญ บังเอิญว่า "ผู้กำกับปืน" พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ที่มีศักดิ์เป็นหลานชายของ "คุณหญิงอ้อ" พจมาน ณ ป้อมเพชร ก็มีชื่อได้รับการโยกย้ายจาก ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ 2 กองบังคับการอำนวยการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มาเป็น ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ตามรายชื่อ บัญชีแนบท้ายคำสั่ง สตม.ที่ 304/2566 ที่ถูกลงไว้ใน วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
ชาวเน็ตที่ไม่สันทัดในตำแหน่งหน้าที่การงานของตม. ก็เลยจัดหนักเข้าใส่ จนเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก สยบกระแสดรามาว่า .. “ทุกคนใจเย็นนะ ทอ. = ท่าอากาศยาน จว.= จังหวัด คนละตำแหน่ง #โดนด่าฟรี”
เอาเป็นว่า ตำแหน่งของ พ.ต.อ.พัดธงทิว คือ ย้ายมาเป็น “ผกก.ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต” ซึ่งเป็นคนละตำแหน่ง ผกก.ตม.ภูเก็ต
งานนี้นอกจาก "ผู้กำกับปืน " หรือ "ผู้กอง Sorry" ฉายาของ พ.ต.อ.พัดธงทิว ที่ได้รับมา สมัยที่เป็นตำรวจท่องเที่ยว จากการคัฟเวอร์เพลงดัง Sorry Sorry ของวงซูเปอร์จูเนียร์ บอยแบนด์ ชื่อดังของเกาหลี ซึ่งด้วยความหล่อเหลาคล้ายอปปาเกาหลี ลีลาโยกย้ายส่ายสะโพก ไปโดนใจชาวโซเชียลฯ เข้าเต็มเปา เลยโด่งดังชั่วข้ามคืน
งานนี้ เจ้าตัวไม่ได้โดนด่าฟรีอยู่คนเดียว ยังรวมไปถึงระบบราชการ การบริหารงานบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่อยู่ภายใต้การเมือง จนละเลยคุณธรรม ความรู้ความสามารถของกำลังพล
นี่ถ้าดรามาไม่จบ ก็คงจะลามไปถึงคนใหญ่คนโต โดนด่าอีกหลายคน หลายยก
ว่าไปแล้ว ในความซวย กรณีของ "ผู้กอง sorry" ที่เจ้าตัวโอดโดนด่าฟรี ก็ต้องบอกว่า มีประโยชน์อยู่ ไม่ถึงกับซวยสถานเดียว
เพราะถ้าไม่มีดรามา เพราะชื่อของ “พ.ต.อ.พัดธงทิว” คนก็จะไม่สนใจกรณีของ "ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต" ที่ลาออก
แง่มุมที่มีบันทึกข้อความเป็น หนังสือขอลาออกราชการ ของ “ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต” แพร่ออกมา โดยให้เหตุผลในการลาออกว่า "เพื่อดำรงระบบคุณธรรมในองค์กร และหวังว่าในยุคต่อๆ ไป คนที่ตั้งใจทำงาน เสียสละ มีผลงาน จะได้รับการพิจารณาอย่างเป็นธรรม" เป็นอารมณ์ร่วมของสังคมโดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ที่มีต่อผู้บังคับบัญชาชั้นสูง มันเป็นความอัดอั้นตันใจ ที่ถ้าหากเป็นใครไม่เจอก็คงไม่รู้
ทั้งหมดเป็นความเน่าฟอนเฟะของระบบราชการที่มีมาช้านาน ครั้นจะร้องแรกแหกกระเชอ ก็ทำได้ในวงจำกัด เมื่อเป็นประเด็นไวรัลในโลกออนไลน์ อย่างน้อยก็มีคนสนใจประเด็นนี้ไม่ใช่หรือ ?
เอาน่า โดนด่าฟรี แต่ชาวบ้านและสังคมได้รับรู้ ได้เห็น หันมาให้ความสนใจกับเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ก็ถือว่าเสียสละตัวเองช่วยเหลือเพื่อนร่วมอาชีพ...โดนด่าฟรีแต่ดีต่อใจตัวเองนะจ๊ะ "ผู้กอง sorry"
