xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวไกลจุกหนุนนิรโทษ ไม่ล้างผิด ม.112 !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภูมิธรรม เวชยชัย - ถาวร เสนเนียม
เมืองไทย 360 องศา

เริ่มเคลื่อนไหวกันชัดเจนมากขึ้น สำหรับการเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่พรรคก้าวไกล กลับมาจุดพลุกันอีกครั้ง โดยร่างกฎหมายดังกล่าว เตรียมที่จะผลักดันเข้าสู่สภาสมัยนิติบัญญัติในสมัยประชุมนี้ ในชื่อ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิด อันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งเนื้อหาสำคัญ ก็คือ มีเจตนาที่จะนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา และที่สำคัญก็คือ ร่างกฎหมายฉบับนี้ ยังมีเจตนาให้ครอบคลุมผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีท่าทีที่ชัดเจนมากขึ้นจากพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านบางพรรค โดยส่วนใหญ่มีท่าทีเห็นด้วยกับการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเฉพาะความผิดจากการชุมนุมทางการเมือง ที่มีความเห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเหลือง เสื้อแดง และ กปปส. รวมไปถึงการชุมนุมในเหตุการณ์อื่นๆ แต่ที่เริ่มชัดเจนเช่นเดียวกันก็คือ “ไม่เห็นด้วยหากเสนอให้ลบล้างให้กับผู้กระทำผิดตาม มาตรา 112”

อย่างไรก็ดี ก็ต้องพิจารณาท่าทีจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลในเวลานี้ จะเห็นว่า พวกเขาค่อนข้างระมัดระวัง แสดงให้เห็นว่า “จะไม่ออกหน้าก่อน” พิจารณาจากความเห็นของ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย มีบาดแผลเรื่องดังกล่าวอยู่ ขณะนี้เพิ่งจะตกสะเก็ด เลยออกหน้าไม่ได้ อย่าให้เป็นคนเริ่มต้น เพราะเริ่มไปแล้ว ไม่รู้ฝ่ายอื่นจะว่าอย่างไร จึงขอให้ทุกคนไปพูดคุยกันกับวิปรัฐบาล ตนพร้อมเป็นสะพานให้ และให้ฟังความเห็นจากทุกพรรค ในภาพรวม อย่าเพิ่งลงรายละเอียด เพราะตอนนี้แค่เริ่มก็มีคนบอกว่าไม่เอาเรื่อง มาตรา 112 ขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้ไปคุยก่อน พรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเหลือ แต่ไม่ขอเริ่มต้นให้ ถ้าเราเริ่มไปแล้ว มีคนไม่เอาก็จะมารุมด่าเรา

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ว่า ทุกเรื่องที่มีความเห็นขัดแย้งกัน ประเด็นสำคัญอยู่ที่การทำความเข้าใจ เพราะเราขึ้นมาเป็นรัฐบาลครั้งนี้ เราก็อยากจะแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งต่างๆ ให้หมดไป ถ้าสมมติว่า มีประเด็นใดที่ยังเป็นประเด็นที่สังคมยังมีความเห็นแตกต่าง ก็ต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจน เราไม่อยากสร้างความขัดแย้งใหม่ ในขณะที่เราพยายามทลายกำแพงความขัดแย้งลง เพราะฉะนั้น จะเสนอเรื่องอะไร ก็เสนอได้ทั้งหมด ไม่มีปัญหา แต่ประเด็นที่ยังมีความคิดเห็นต่าง ก็ต้องไปคุยกันให้จบก่อน

“ต้องเริ่มพูดว่า จะสามารถผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมร่วมได้อย่างไร ก็ต้องมีกระบวนการไปทำความเข้าใจหารือกับทุกหน่วย และผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผมไม่ทราบว่า เขาทำอะไรไปแค่ไหน แต่ด้วยหลักการแล้ว คิดได้ เสนอได้ แต่จะทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการทำความเข้าใจกับสังคมได้มากเพียงพอหรือไม่”

เมื่อถามต่อว่า พรรคก้าวไกล พยายามเน้นย้ำว่า ทุกคนที่ต้องคดีจะได้รับสิทธิเท่าเทียมกันทั้งหมด นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลักการอยู่ที่มีคนเห็นต่างหรือไม่ ตนได้ยินว่า ที่ไปหาใครบางคน ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แสดงว่า ต้องทำให้เป็นฉันทามติร่วมกัน อะไรที่เห็นร่วมกันหมด แก้ได้ทั้งนั้น แต่ที่ยังเห็นไม่เหมือนกัน ถ้าดูจะเป็นประเด็นที่มันจะบานปลาย ก็ไม่ควรจะเริ่มจุดไฟใหม่ขึ้นมา

ในตอนท้าย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในที่สุดแล้วยังไม่รู้ว่าจะยื่น (ร่างกฎหมาย) หรือไม่ยื่น และจะยื่นอย่างไร รอให้มันเกิดขึ้นแล้วค่อยถามดีกว่า อย่าไปคาดการณ์ว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ จะเป็นการสร้างปัญหาเปล่าๆ

นั่นเป็นท่าทีในแบบ “แบ่งรับแบ่งสู้” หรือ “ชัดในแบบไม่ชัด” นั่นแหละ เอาเป็นว่า “รอดูสถานการณ์” ไปก่อนก็แล้วกัน แน่นอนว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยก็พอเข้าใจได้เหมือนกัน เนื่องจากเวลานี้ถือว่า “ไม่มีความจำเป็น” ต้องออกหน้าให้เกิดความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น หากพิจารณาถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีการเคลื่อนไหวผลักดันขึ้นมา ก็ย่อมเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองขึ้นมาทันที รวมไปถึงอาจลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งใหม่ เหมือนกับที่ นายภูมิธรรม ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ โดยที่เวลานี้ พรรคเพื่อไทยก็เป็นแกนนำรัฐบาลจึงไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดความเสี่ยงให้รัฐบาลสั่นไหว

และที่สำคัญเหนืออื่นใด ก็คือ เวลานี้ “คนสำคัญ” ของพรรค คือ นายทักษิณ ชินวัตร ก็อยู่ในสถานะ “เทวดา” และอีกไม่กี่วัน คาดว่า จะได้รับการ “พักโทษ” กลับบ้านแล้ว สถานการณ์และบรรยากาศล้วนต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับช่วงที่มีการ “ลักหลับ พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย” ก่อนหน้านี้ ดังนั้น เวลานี้สำหรับพรรคเพื่อไทย ถือว่า “อยู่นิ่งๆ แล้วค่อยว่าไปตามสถานการณ์” จะดีที่สุด

อย่างไรก็ดี ได้เห็นความเคลื่อนไหวจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เริ่มสนับสนุนการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ชัดเจนขึ้น

นายถาวร เสนเนียม สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล อดีต ส.ส.สงขลา และอดีตแกนนำ กปปส. กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกล เสนอ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาในขณะนี้ ว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกล พรรคฝ่ายค้าน เสนอร่างฯ เข้าสภาแล้ว เป็นพรรคแรก ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็กำลังยกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ก็เป็นการหวังดีและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล แต่หากรอรัฐบาลไม่ไหวก็เป็นสิทธิของ สส. 20 คน ลงนามร่วมกันเสนอ ร่างฯ ต่อประธานสภา ก็สามารถทำได้ ซึ่งผมคิดว่าพรรคอื่นก็คิดเหมือนกันทุกพรรค

อดีตแกนนำ กปปส.ผู้นี้ กล่าวว่า การทำเรื่องนี้ก็อยู่ที่ความจริงใจและความตั้งใจจริงจังที่จะขจัดความขัดแย้ง สร้างความสมานฉันท์ เพราะการนิรโทษกรรมในประเทศไทยเกิดมาแล้ว 23 ครั้ง เป็นการนิรโทษกรรม 19 ครั้ง สำหรับรัฐประหารโดยทหาร พอทำรัฐประหารเสร็จ ก็นิรโทษกรรมให้กับตัวเอง รวมถึง คสช.และ คมช. (ปี 2549) นอกจากนั้น อีก 4 ครั้ง เป็นการนิรโทษกรรมให้กับความขัดแย้งทางการเมือง เช่น ให้กับกลุ่มคนที่เคยเข้าป่า นิยมการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ 23 ครั้ง ที่ผ่านมา ผลที่เกิดขึ้นก็คือ เกิดความสมานฉันท์ แต่เมื่อมีความขัดแย้งเกิดขึ้นมาอีก ประชาชนไม่พอใจ ก็ออกไปประท้วง ออกไปเดินขบวนขับไล่ อันเกิดจากรอกระบวนการยุติธรรมไม่ไหว หรือจะขอใช้เสียงข้างมากในสภาให้ช่วยแก้ไขปัญหา ก็ไม่แก้ไขให้ ประชาชนก็ใช้สิทธิความเป็นพลเมือง

อย่างไรก็ดี นายถาวร ย้ำว่า การจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้าจะทำ มีข้อยกเว้นไว้สามเรื่อง เรื่องแรกสำคัญมาก คือ ต้องมีข้อยกเว้นสำหรับผู้กระทำความผิด มาตรา 112 ผมไม่เอาด้วย สอง ก็คือ การทุจริต สาม คือ กลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายอาญารุนแรงต่อชีวิตและร่างกาย เผาบ้านเผาเมือง ก็ไม่ได้

หากพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว มันก็เป็นไปได้เหมือนกันว่า การผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมในสมัยประชุมนี้ อาจจะประสบความสำเร็จก็ได้ หากไม่รวมกรณีความผิดตาม มาตรา 112 ความผิดเกี่ยวกับการทุจริต และความผิดที่เกี่ยวกับความรุนแรงต่อชีวิต และร่างกาย ซึ่งเท่าที่ประมวลความเห็นจากหลายฝ่ายก็น่าจะออกมาในทางสนับสนุน

แต่หากออกมาแบบนี้ นั่นคือ ไม่รวมความผิดตาม มาตรา 112 หรือพวก “ล้มเจ้า” คนพวกนี้ก็จะ “แห้ว” และหากพิจารณากันแบบตรงไปตรงมา ก็ต้องบอกว่า มีแต่พรรคก้าวไกลเท่านั้น ที่ไม่สมหวัง และเจตนาที่ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมขึ้นมา ก็เพื่อต้องการให้ “เหมารวม” ไปด้วย เพราะมีทั้งระดับ “เจ้าของพรรค” ส.ส.ของพรรคที่เคยเป็นพวกแกนนำม็อบสามนิ้วต่างโดนคดีกันระนาว และเมื่อพิจารณากันตามไทม์ไลน์ มันก็ไฟลนก้นเข้ามาทุกทีแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทีจากทุกฝ่ายแล้ว ถือว่ารอดยาก!!


กำลังโหลดความคิดเห็น