วันนี้(29 พ.ย.)น.ส.ศุภมาศ อิศรภักดี รมว. อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน และ Beacon Venture Capital จัดกิจกรรม NIA x depa VC NIGHT เพื่อร่วมกันพัฒนาเครือข่ายนักลงทุนให้เข้มแข็ง และส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยให้พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยพลังของนวัตกรรมต่อไป
นางสาวศุภมาส กล่าวว่า “กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมโดยเฉพาะในกลุ่มสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กระทรวง อว. มีบทบาทในการสนับสนุนการเพิ่มกำลังคนรุ่นใหม่เข้ามาในระบบนิเวศสตาร์ทอัพของประเทศไทย และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้สตาร์ทอัพเติบโต โดยดำเนินการผ่าน โครงการ Alpha Program ภายใต้ Startup Thailand League ร่วมกับหน่วยงานในภาคการศึกษาทั่วประเทศไทยกว่า 50 แห่ง เกิดการจดทะเบียนบริษัทจากทีมนักศึกษาที่เข้าร่วมกว่า 61 บริษัท คิดเป็นมูลค่าของเศรษฐกิจกว่า 100,000,000.- บาท ทั้งนี้ ในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพของนักศึกษา เช่น CU Enterprise จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, M Venturer มหาวิทยาลัยมหิดล, อ่างแก้วโฮลดิ้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงไปใช้ในการประกอบธุรกิจ และกำลังผลักดันเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการจัดงาน NIA x depa VC NIGHT ในวันนี้ โดยเจ้าภาพหลัก คือ NIA และ Depa ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร คือ สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน หรือ TVCA และ Beacon Venture Capital เพื่อพัฒนาเครือข่ายนักลงทุนให้มีความเข้มแข็ง และส่งเสริมการลงทุนให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทย กิจกรรมนี้ทำให้ได้เห็นถึงความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนที่มีความพร้อมในการร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยพลังของนวัตกรรมและผู้ประกอบการเทคโนโลยี หรือสตาร์ทอัพ ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าปัจจัยสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยให้แข็งแรงและสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ คือ การเห็นเป้าหมายเดียวกัน การทำงานประสานร่วมกันในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รับและส่งไม้ต่อกันอย่างสอดคล้อง ซึ่งแนวทางความร่วมมือรัฐกับเอกชนเพื่อพัฒนาตลาดในอนาคตที่ได้นำเสนอกันในวันนี้เป็นข้อเสนอสำคัญที่น่าสนใจ ซึ่งกระทรวง อว. จะนำไปผลักดันเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป”