xs
xsm
sm
md
lg

พิษหมูเถื่อน! เด้ง“สุริยา” พ้นดีเอสไอ ไปแขวนที่รองปลัดฯ งานนี้ ไม่รู้ “ทวี” กำลังสอดส่องใคร ? ** “ภูมิธรรม” ตีมึน ไม่รู้ใครอยู่ชั้น 14 ทั้งที่คนอื่น รู้กันทั้งบ้าน ทั้งเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**พิษหมูเถื่อน! เด้ง“สุริยา” พ้นดีเอสไอ ไปแขวนที่รองปลัดฯ งานนี้ ไม่รู้ “ทวี” กำลังสอดส่องใคร ?

เป็นประเด็นร้อนฉ่า เมื่อวาน ครม.มีมติเด้ง “พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม

ว่ากันว่า ปมเหตุมาจาก “หมูเถื่อน” ที่ก่อนนี้อธิบดีดีเอสไอ ถูก “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง อารมณ์เสีย ว้ากใส่โทษฐานทำคดีนี้อืดเป็นเรือเกลือ เช่นเดียวกับคดีใหญ่หลายคดี อาทิ คดีหุ้น "STARK" เป็นต้น

ไล่หลังบ้างก็ว่า ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฝ่ายการเมืองตัดสินใจฟันโชะ! เป็นเพราะ ดีเอสไอ เข้าตรวจค้น “แม็คโคร” เพื่อขอพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับหมูเถื่อนเพิ่ม อาจทำให้กระทบต่อบุคคลในแวดวงการเมือง จนมีคำสั่งเด้งฟ้าผ่า เพียงข้ามคืน!

หลังจาก “พ.ต.ต.สุริยา” ถูกเด้งออกไป งานนี้ตามระเบียบราชการ “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” รองอธิบดี ดีเอสไอ 1 (อาวุโสสุด) จะทำหน้าที่ รรท.อธิบดีดีเอสไอ แทนไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

“พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล” เข้ามานั่งเป็นอธิบดีดีเอสไอ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ปีนี้ โดย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” อดีต รมว.ยุติธรรม ได้ลงนามเซ็นคำสั่งให้ย้ายจาก ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มาสลับตำแหน่งกับ “ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์” อธิบดี ดีเอสไอ ในขณะนั้น

นับรวมเวลา “พ.ต.ต.สุริยา” อยู่ในตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอ ประมาณ 315 วัน

พลันที่มีข่าว “พ.ต.ต.สุริยา” ถูกย้าย เฟซบุ๊ก “DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ” ก็โพสต์ภาพพร้อมข้อความของ พ.ต.ต.สุริยา ระบุหัวข้อ วิถีราชการ โดยมีเนื้อหาว่า... “ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดิน และวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว” พร้อมลงท้ายว่า “เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ” ณ วันที่ 28 พ.ย. 2566 ลงชื่อ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล
วิถีราชการของ “พ.ต.ต.สุริยา” จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปี พ.ศ. 2535 เริ่มต้นจาก รอง สว.งาน 3 กก.5 ส.1 สำนักงานตำรวจสันติบาล ทำหน้าที่การข่าว (การเมือง) จากนั้นก็ย้ายไปเป็น รอง สว.สส.สภต.โพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ทำหน้าที่หัวหน้าชุดปราบปรามโจรกรรมรถยนต์ และหัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ต่อมาเป็น รอง สว.ผ.3 กก.2 กองปราบปราม ทำหน้าที่หัวหน้าชุดสืบสวน กองกำกบการ 2 กองปราบปราม สว.งาน 4 กก.1 ส.2 สำนักงานตำรวจสันติบาล

จากนั้นโอนย้ายรับราชการมาที่ ดีเอสไอ ในตำแหน่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 7 ว. ส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 2 สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ จนได้เป็นหัวหน้ากลุ่มงานคดีความมั่นคง เลื่อนขึ้นเป็น ผู้อำนวยการส่วน สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ตามด้วยผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ผู้บัญชาการสำนักพัฒนาและสนับสนุนคดีพิเศษ - ผู้บัญชาการสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 และ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

ต่อมาโอนย้ายข้ามหน่วย ไปนั่ง “รองเลขาธิการ ป.ป.ส.” ก่อนจะกลับมาที่กระทรวงยุติธรรม นั่งเก้าอี้ระดับซี10 ที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม ตามด้วยได้นั่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ต่อมา 18 มกราคม 2566 โยกสลับมารักษาราชการแทน อธิบดี ดีเอสไอ และ ครม.เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาตั้งเป็นอธิบดีดีเอสไอ อย่างเป็นทางการ แล้วก็พ้นตำแหน่งด้วยมติ ครม.เมื่อวาน (28 พฤศจิกายน 2566) ที่ให้ย้ายไปเป็น รองปลัดกระทรวงยุติธรรม

เหตุผลอย่างเป็นทางการ ที่เจ้ากระทรวงยุติธรรม “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ชี้แจงสาเหตุที่ต้องเด้ง “พ.ต.ท.สุริยา” ก็บอกว่า สืบเนื่องมาจาก “พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์” อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนคนเก่า ถูกย้ายไปเป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ทำให้ตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจฯ ว่างลง จึงจำเป็นต้องเสนอย้าย “พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล” รองปลัดกระทรวงยุติธรรมไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
เมื่อตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมที่มีความสำคัญ ที่จะต้องขับเคลื่อนงานนโยบายของกระทรวงในภาพรวม ว่างลง จึงเห็นสมควรย้าย “พ.ต.อ.สุริยา” มารับตำแหน่งนี้ เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ ผ่านงานระดับอธิบดี ที่ปรึกษาหลายหน่วยงาน ไล่ไปตั้งแต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงาน ป.ป.ส. และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม จึงเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงที่ว่างลงเป็นอย่างยิ่ง

“พ.ต.อ.ทวี” ย้ำทิ้งท้ายว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถของผู้รับแต่งตั้งโยกย้าย และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมเป็นสำคัญ ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือมีอคติใดๆ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่เป็นที่สนใจของสังคมที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังดำเนินการอยู่ คือคดีหมูเถื่อน โดยคดีดังกล่าวจะมีการดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาจนถึงที่สุด และครอบคลุมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดโดยยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ

ก็เอาเป็นว่า เหตุที่ “พ.ต.ท.สุริยา” โดนเด้งครั้งนี้ อาจไม่เกี่ยวกับคดีหมูเถื่อนตามที่รัฐมนตรี “ทวี สอดส่อง” ชี้แจงจริงๆ ก็ได้

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า “พ.ต.ท.สุริยา” นั้นขึ้นมานั่งเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอ ในยุคที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นรัฐมนตรียุติธรรม อาจจะถูกมองว่าเป็นเด็กของรัฐมนตรีคนเก่า เมื่อรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามา ก็ไม่แปลกที่อาจจะอยากจะได้คนที่รู้ใจกันมากกว่ามานั่งคุมกรมสำคัญกรมนี้

และบังเอิญมีเรื่อง “หมูเถื่อน” มาประจวบเหมาะพอดี สังคมก็เลยไม่ได้มองเรื่องการโดนเด้งว่าจะมาสาเหตุอื่น …หรือเปล่าหนอ ?

** “ภูมิธรรม” ตีมึน ไม่รู้ใครอยู่ชั้น 14 ทั้งที่คนอื่น รู้กันทั้งบ้าน ทั้งเมือง


ชัยธวัช ตุลาธน
ช่วงนี้ “พรรคก้าวไกล” จะเคลื่อนไหวหนักเป็นพิเศษ กับเรื่องการขอเสียงสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดอันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง

“ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคณะถึงกับเดินทางไปพบ “สุวิทย์ ทองประเสริฐ” หรือ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ในฐานะอดีตแนวร่วม กปปส. เพื่อขอเสียงสนับสนุน รวมทั้งได้มีการได้มีการพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯ กปปส. กลุ่มคนเสื้อแดง รวมถึงเยาวชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง นักกฎหมายอาวุโสหลายคน ที่เคยเสนอเรื่องนิรโทษกรรมในอดีต นักสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะหาความเห็นร่วม ที่เป็นไปได้ให้สามารถเกิดการนิรโทษกรรมได้จริง

ไม่ต้องเห็นรายละเอียดตัว ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับก้าวไกล ก็รู้ว่าเป้าหมายหลักอยู่ที่ การนิรโทษฯ แก่ผู้ที่มีความผิด มาตรา 112 ซึ่งบรรดาแนวร่วม เครือข่ายสามนิ้ว นักศึกษา ที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับพรรคก้าวไกลในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องคดี 112 กันเป็นจำนวนมาก บางคนโดนไปหลายคดี ต่างกรรม ต่างวาระ

ประเสริฐ จันทรรวงทอง
ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำทางจิตวิญญาณของ “ด้อมส้ม” อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล” รวมทั้ง “พรรคก้าวไกล” ก็ติดบ่วง 112 ที่ตอนนี้เรื่องอยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญ จะตัดสินยุบพรรคเมื่อไร ยังต้องลุ้น!!

แต่บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ เกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วยที่จะนิรโทษฯให้ กลุ่มที่ต้องคดี 112 เพราะไม่เชื่อว่า ถ้าได้รับการนิรโทษฯ แล้วจะไม่กลับมาทำซ้ำ

จึงเป็นหน้าที่ของบรรดาแกนนำพรรคก้าวไกล ต้องพยายามออกมาเคลื่อนไหว โน้มน้าว โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทย ที่เคยมีประสบการณ์ เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ให้ช่วยสนับสนุน โดยอ้างว่าหากทำสำเร็จ คนบนชั้น 14 ซึ่งก็คือ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย

ทั้งๆ ที่อีกไม่กี่เดือน “ทักษิณ ชินวัตร” ก็จะได้รับการพักโทษแล้ว ส่วน ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ไม่รู้จะผ่านสภาหรือไม่ หรือจะสำเร็จมีผลบังคับใช้เมื่อไร

“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดิจิทัลฯ จากพรรคเพื่อไทย บอกว่า พรรคเพื่อไทยจะให้การสนับสนุนหรือไม่ ต้องขอดูรายละเอียดก่อน ว่ามีสาระสำคัญ หลักการ และเหตุผล อย่างไรบ้าง ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประชาชน คิดว่ารัฐสภาก็จะพิจารณา โดยเฉพาะถ้าไม่เกี่ยวกับมาตรา 112 เราก็จะเห็นด้วย

ภูมิธรรม เวชยชัย
ส่วนที่ “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่า ร่างของพรรคก้าวไกล ทุกคนจะได้รับสิทธิหมด เพราะวันนี้หลายคน ไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนที่อยู่ชั้น14 ...ประเด็นนี้ “ประเสริฐ” สวนกลับทันทีว่า ไม่อยากให้พาดพิงถึงคนที่อยู่ชั้น 14 เพราะเรื่องของท่าน สิ่งที่ได้รับนั้น เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ได้มีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นแต่อย่างใด... ดังนั้นอย่าโยง!!

ส่วน “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่า เมื่อเราได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็อยากจะแก้ปัญหาเรื่องความขัดแย้งต่างๆ ให้หมดไป ถ้าสมมติว่า มีประเด็นใดที่ยังเป็นประเด็นที่สังคมยังมีความเห็นแตกต่าง ก็ต้องทำตรงนี้ให้ชัดเจน ต้องไปคุยกันให้จบก่อน

ที่พรรคก้าวไกลพยายามเน้นย้ำว่า ทุกคนที่ต้องคดี จะได้รับสิทธิ์เท่าเทียมกันทั้งหมดนั้น “ภูมิธรรม” กล่าวว่า หลักการอยู่ที่มีคนเห็นต่างหรือไม่ ตนได้ยินว่าที่ไปหาใครบางคน ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่าง แสดงว่าเรื่องนี้ต้องทำให้เป็นฉันทามติร่วมกันก่อน

ส่วนที่บอกว่าบุคคลที่อยู่ชั้น 14 จะได้รับอานิสงส์ไปด้วยนั้น... “ภูมิธรรม” เล่นบทไขสือ ตีมึน ย้อนถามว่า ชั้น 14 ที่ไหน ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่าหมายถึง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี “ภูมิธรรม” ก็ยังทำหน้างง แล้วบอกว่า “ท่านทักษิณ อยู่ชั้น 14 หรือ ผมไม่ทราบคุณพูดถึงอะไร”

แหม...พูดถึงชั้น 14 (รพ.ตำรวจ) คนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าใครนอนพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไรเท่านั้น จะมีก็แต่ “ภูมิธรรม” ละมั๊ง ที่ไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง...นี่แหละนักการเมืองยี่ห้อ“เพื่อไทย”ของแท้ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น