วันนี้(22 พ.ย.)ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า คณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมีผู้แทนบริษัทสมาชิก จำนวนรวม 42 บริษัท ซึ่งนายกฯ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองและข้อเสนอแนะร่วมกันว่าจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของไทย-สหรัฐฯ ใน 3 ประเด็นสำคัญ คือ
1)ความยั่งยืน ไทยมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ผ่านการเร่งรัดโครงการริเริ่มเศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียน ทั้งด้านพลังงานทดแทน เทคโนโลยีไฮโดรเจน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน รวมถึงการสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์จูงใจที่สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละบริษัท
2) การเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายการคมนาคมในภูมิภาค เช่น แผนที่จะสร้างสนามบินระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในจังหวัดภูเก็ตและเชียงใหม่ พัฒนาสนามบินขนาดเล็ก และสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมต่อไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และที่อื่นๆ เข้ากับทะเลผ่านประเทศไทย
นอกจากนี้ ไทยยังมีโครงการ Landbridge ซึ่งเป็นโครงการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ให้กับนักลงทุนที่มีศักยภาพ ช่วยลดระยะเวลาในการเดินทาง โดยเชื่อมต่อทะเลอันดามันเข้าสู่อ่าวไทย
3) การสร้างความเติบโตผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่สร้างผลกำไรสูง โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างระบบนิเวศนี้ด้วยนโยบายและมาตรการเชิงนวัตกรรมต่างๆ
ด้านผู้แทนจากบริษัทภาคเอกชนสหรัฐฯ กล่าวว่า ยินดีที่รัฐบาลไทยจะเร่งขับเคลื่อน FTA และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่จะช่วยสนับสนุนการขยายการค้าการลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งการผลักดันการใช้พลังงานทดแทน เศรษฐกิจสีเขียว การสร้างความยั่งยืน ซึ่งหลายบริษัทแสดงความพร้อมที่จะขยายการลงทุนในไทยในระยะยาว และต่อยอดมาตรการ EV ของรัฐบาลรวมถึงภาคอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม จะส่งเสริมผลผลิตจากเกษตรกรของไทย และผลักดันให้อาหารไทยให้เป็น Food Paradise ภาคเทคโนโลยีดิจิทัล จะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเทคโนโลยีคลาวด์และระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ ภาคยาและเวชภัณฑ์ จะหารือถึงแนวทางการจัดหาวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก รวมไปถึงภาคการให้บริการทางการเงิน ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในไทยให้รองรับต่อเทคโนโลยีในอนาคตและการสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ด้วย
ด้านนายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทที่เข้าร่วมการหารือครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ และธุรกิจของสหรัฐฯ ที่มีในประเทศไทย ซึ่งบริษัทต่างๆ พร้อมที่จะทำธุรกิจเพื่อช่วยสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน ทั้งไทย สหรัฐฯ และโลก ซึ่งบริษัทเหล่านี้ถือเป็นตัวแทนของตำแหน่งงานอีกหลายหมื่นตำแหน่ง มีมูลค่าการค้าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งทั้งหมดยินดีที่จะสนับสนุนความเจริญรุ่งเรือง สร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน