"เศรษฐา" ลั่นคนไทยจากเล่าท์ก่ายเอี่ยวคอลเซ็นเตอร์ ต้องแยกระหว่างเหยื่อกับผู้ทำผิด ดีอีเอส-สตช.ต้องสอบสวนสวมข้อเท็จจริง ชี้ต้นต่ออาจอยู่ในไทย พร้อมปฏิเสธยังไม่ได้รับรายงานหลังมีภาพข่าว ฮามาสนำตัวส่งรพ. อาจเป็นคนไทยสั่ง ”หมอมิ้งค์” ติดตาม
วันนี้ (20พ.ย.) เมื่อเวลา 13.27 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการช่วย 226 คน จากเล่าท์ก่าย ประเทศเมียนมาว่า ได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศ ขณะนี้ได้ช่วยเหลือออกมาแล้ว ซึ่งในนั้นมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย แต่ไม่แน่ใจว่ามี 3 คนหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในจำนวนนี้ต้องมีการแยกระหว่างผู้ที่ตกเป็นเหยื่อกับผู้ที่กระทำผิดด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “แน่นอนครับ” ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนก่อน ซึ่งในส่วนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต้องทำงานร่วมกัน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะต้องประสานไปยังทางการจีนและเมียนมาในการปราบปรามหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ดำเนินการตรงนี้ก่อน เอาคนกลับมาก่อนดีกว่า เพื่อเป็นการตั้งต้นในการสืบสวนต่อไป บางทีต้นต่ออาจจะอยู่ในประเทศไทยก็ได้ ขอดูและพูดคุย สืบสวนก่อน อย่าพึ่งกระจายไปที่ต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ สื่ออิสราเอลโชว์ภาพวงจรปิดตัวประกัน ซึ่งอาจเป็นคนไทย ถูกฮามาสนำตัวไปส่งโรงพยาบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่แน่นอนจะให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบเรื่องนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ขอให้รอมีข่าวชัดเจนก่อน เชื่อว่าทุกคนก็ติดตามข่าวอยู่ แต่เมื่อเช้าตนมีประชุมทั้งเช้าจึงยังไม่มีโอกาสได้ติดตามเรื่องนี้ เรามีนโยบายหลักอยู่แล้วในการช่วยเหลือคนไทย ซึ่งเมื่อเช้านี้ก็ได้มีการพูดคุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้ช่วยติดตามเรื่องการช่วยเหลือตัวประกันที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะถูกปล่อยตัวออกมา