xs
xsm
sm
md
lg

“เศรษฐา” ขอโทษถูกดราม่าจ้อ "ขี้ข้า" ไม่สุภาพรับเป็นคนพูดตรง หนุนเป็นลูกบริษัทใหญ่สร้างคอนเนกชั่นก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ ขอโทษหลังโซเชียลดรามาพูดจาไม่สุภาพใช้คำว่า “ขี้ข้า” แจง เป็นคนพูดตรงไปตรงมา เป็นบทสนทนากับลูก ระบุ ถ้ามีใครขอคำแนะนำส่วนตัว อยากให้เป็นลูกในบริษัทใหญ่ สร้างคอนเนกชั่นก่อน

เมื่อเวลา 08.20 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ถนนเทพรัตน (กม.1) เขตบางนา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 30 ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ว่า ได้มีโอกาสพบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่คนไทยมีปัญหาในเรื่องการเข้าเมือง จึงขอร้องให้ทางกงสุลไทยมาช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความง่ายและสะดวกขึ้น และในเรื่องของวีซ่าได้ฝากทางเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลประจำลอสแอนเจลิสไปแล้ว ซึ่งยอมรับว่า เป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ทางสหรัฐฯค่อนข้างพิถีพิถันมาก และได้บอกว่าตนในฐานะผู้นำรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำให้ประเทศไทยมีการลงทุนที่สูงขึ้น ฉะนั้น ผู้ที่อยู่ในประเทศไทยต้องตื่นตัว และให้คนที่ปิดประตูว่าจะไม่กลับประเทศไทยแล้ว ก็ขอให้รู้ว่าอีก 3-5 ปีข้างหน้า ถ้ามีการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น ก็มีโอกาสที่ทุกคนจะกลับมา ช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า จึงเป็นที่มาที่ไปในโซเซียลมีเดียมาล้อว่าลูกตนอยู่เมืองนอกอะไรแบบนี้ ก็เข้าใจดีว่าประเทศไทยเรายังต้องพัฒนา จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตนต้องเดินเข้ามาสู่เวทีการเมือง เพื่อต้องการยกระดับของประเทศไทยให้ดีขึ้น ให้เป็นที่หมายปองของทุกๆ คน อยากให้คนไทยกลับมาทำงานในเมืองไทยกันเยอะๆ

“มีนักศึกษาคนหนึ่งถามผมว่ามีคำแนะนำอย่างไร ผมก็บอกว่าผมแนะนำลูกผมให้ไปเป็นขี้ข้าเขาก่อน เพราะผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ก็มีดรามาไปพูดว่าผมพูดจาไม่สุภาพ ถ้าเผื่อตรงนั้นมีมุมมองเช่นนี้ผมก็ต้องขอโทษ แต่อันนั้นผมพูดกับลูกผม เพราะผมเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา เพื่อให้เขาเห็นภาพว่า จริงๆ แล้วการไปทำงาน การไปเป็นลูกจ้างเขาก็ลำบากนะ การที่เราพึ่งจบมาใหม่ๆ เราต้องมีความอดทน เขาใช้อะไร ผู้บังคับบัญชาพูดจาหรือใช้อะไรอาจจะไม่ถูกหูเรา แต่เราต้องมีความอดทน บางครั้งอาจจะมีการใช้ศัพท์แสง ก็เป็นการบริหารความคาดหวังของลูกผมมากกว่า แต่ยืนยันว่า เนื้อหาเหมือนเดิม คือ ถ้าจะถามผมส่วนตัวว่ามีคำแนะนำอะไรให้กับคนรุ่นใหม่ เด็กๆ ก็อยากให้ไปทำงานก่อน อย่าไปทำสตาร์ทอัพก่อนเลย ซึ่งก็แล้วแต่คนแล้วกัน แต่ถ้าส่วนตัวก็อยากให้ไปทำงานบริษัทใหญ่ๆ สัก 2-3 ปี ไปเรียนเรื่องระเบียบวินัย ไปสร้างคอนเนกชั่น ไปสร้างเพื่อนฝูงในบริษัทใหญ่ๆ แล้วค่อยออกมาทำงาน ก็เป็นคำแนะนำส่วนตัว ก็เห็นต่างได้ ไม่เป็นไรครับ” นายเศรษฐา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น