วันนี้(18 พ.ย.)นายศุภชัย ใจสมุทร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวระบุเรื่อง การไปร่วมประชุมหัวข้อ "การสัมมนาพรรคการเมืองและอารยธรรมนิเวศน์ โครงการความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Political Parties and ecological civilization seminar,Belt and Road Initiative) ระหว่างวันที่ 8-14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้เข้าร่วมการประชุมสัมมนาในหัวข้อ "พรรคคอมมิวนิสต์จีนกับการเสวนากับพรรคการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แลพในเอเชียใต้ การแบ่งปันและผลลัพธ์ของการประชุม Belt and Road สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศ” (CPC in dialogue with political parties of South East Asia and South Asia countries,Sharing the outcomes of the belt and road forum for international cooperations) ตามคำเชิญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
.
นายศุภชัย กล่าวปาฐกถา ว่า ขอแสดงความชื่นชมนโยบาย “Green and Belt”ของจีน โดยเห็นว่าในปัจจุบันทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตไปพร้อมๆ กับการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Development) เพื่อสร้างการพัฒนา ที่นำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งไม่ใช่เพียงนโยบายภายในประเทศเท่านั้น แต่จีนยังใช้รูปแบบการพัฒนาตามแนวทางการพัฒนาสีเขียวในโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) แห่งศตวรรษที่ 21 ทำให้เป็นกระแสที่โลกให้ความสนใจ
.
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2560 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศความตั้งใจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โครงการที่เกิดขึ้นควรไม่มีค่าใช้จ่ายและคำนึงถึงผลลัพธ์ด้วย ผลกระทบที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก รวมถึงการพยายามลดความเสี่ยงของผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมแนวคิดในการดำเนินโครงการภายใต้ BRI ต่อมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 จีนได้ลงนามข้อตกลงกับสหประชาชาติ (UN) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระหว่างประเทศในการผลักดันแถบและถนนสีเขียว โดยสหประชาชาติทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน - SDGs) ร่วมกับกระทรวงของจีนที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงการภายใต้ BRI ดำเนินการตามวงจรการพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) - เป้าหมายที่สหประชาชาติมุ่งหวังให้บรรลุภายในปี 2573 ซึ่งเป็นระดับสากล เป้าหมายที่ประชาคมระหว่างประเทศยอมรับร่วมกัน ได้แก่ International Coalition for Green Development on the Belt and Road ซึ่งจะรวบรวมตัวแทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ NGOs นักลงทุน สถาบันการเงิน และองค์กรภาคเอกชนในกลุ่มประเทศ BRI เพื่อทำงานร่วมกันในการผลักดัน และตรวจสอบโครงการต่างๆ ภายใต้ BRI โดยใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงและสำนักงานสหประชาชาติทั่วโลกเพื่อประสานงานและทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชนในประเทศ BRL เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการลงทุนภายใต้ BRI สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ UN
.
Green and Belt จะนำผลประโยชน์ในหลายมิติมาสู่จีนและประเทศอื่น ๆ พร้อมผลักดันโครงการดังกล่าว ถือเป็นการยกระดับยุทธศาสตร์ BRI ให้เปิดกว้างสู่สากลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจของโครงการในสายตานักลงทุนและเร่งการลงทุนภายใต้ BRI
.
สำหรับประเทศไทยในฐานะหนึ่งในประเทศ BRI ที่มีโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ถือเป็นโครงการเชื่อมต่อโครงข่าย ผมมองว่าประเทศไทยควรเตรียมใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งทางรางจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งจะเป็นช่องทางในการเจาะตลาดจีน รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับตะวันออกกลางและยุโรปได้ นอกจากนี้ในระยะต่อไปเส้นทางรถไฟความเร็วสูงนี้จะเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟความเร็วสูงและเครือข่ายโลจิสติกส์ภายใต้โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีเครือข่ายเชื่อมโยงทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้ตอกย้ำนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการขนส่งที่สำคัญ เชื่อมโยงประเทศ CLMV(ประเทศ กัมพูชา ลาว สหภาพเมียนมาร์ และเวียดนาม ) อาเซียน และจีนเข้าด้วยกัน
นายศุภชัย กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว มีผู้แทนพรรคการเมืองและกลุ่มนักคิดจากประเทศตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ 18 ประเทศ รวมตัวกันที่เมืองคุนหมิง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเพื่อหารือถึงแนวทางในการกระชับความร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง(One Belt One Road) ซึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ประกาศขั้นตอนสำคัญ 8 ประการเพื่อสนับสนุนความร่วมมือ อย่างเข้มข้น การประชุมดังกล่าวได้พิจารณาถึงอนาคตของ BRI และวิธีที่ประเทศหุ้นส่วนสามารถแบ่งปันในผลลัพธ์จากนโยบายดังกล่าว